ประกันภัยอาคาร สำคัญอย่างไรสำหรับชาวคอนโด

21 ก.ย. 2016 พลัสทอล์ก


ในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานั้นหลายๆ ท่านก็คงได้ทราบข่าวแผ่นดินไหวในหลายประเทศ โดยเฉพาะในประเทศพม่าถือว่าได้รับความสนใจจากคนไทยมากเป็นพิเศษ เพราะไม่เพียงสร้างความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน และโบราณสถานต่างๆ เป็นจำนวนมาก แต่แรงสั่นสะเทือนยังรับรู้ได้ถึงอาคารสูงหลายๆอาคารในประเทศไทย ซึ่งต้องยอมรับว่าระยะหลังข่าวแผ่นดินไหวถือว่าสร้างความกังวลให้กับผู้อยู่อาศัยในคอนโดที่เป็นตึกสูง ซึ่งเรื่องภัยธรรมชาตินั้นเป็นเรื่องไม่เหนือการคาดเดา แต่แม้จะไม่สามารถควบคุมภัยธรรมชาติได้ แต่เราควรหาวิธีป้องกันและจัดการกับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น

การทำประกันภัยอาคาร 

ถือเป็นอีกวิธีการจัดการความเสี่ยงที่ดีที่ โดยทั่วไปการทำประกันอาคารชุดจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทดังนี้ แบบที่ 1. ประกันความคุ้มครองส่วนกลางของอาคารทั้งหมด (All Risk) โดยทุนประกันรวมนั้นทั่วไปจะคิดจากมูลค่าการก่อสร้างรวมทั้งงานระบบ และ Facilities ต่างๆ ของอาคาร ครอบคลุมความคุ้มครองของภัยไฟไหม้ น้ำท่วม ภัยธรรมชาติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น น้ำท่วม ฟ้าผ่า แผ่นดินไหว ความเสียหายของอุปกรณ์ งานระบบต่าง (Machinery Breakdown) กระจกพื้นที่ส่วนกลาง ภัยจากการโจรกรรม ฯลฯ และแบบที่ 2. การทำประกันภัยสำหรับบุคคลที่ 3 (Public Liabilities) เพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดจากส่วนกลางของนิติบุคคล ที่เกิดกับบุคคลภายนอก เช่น เศษกระเบื้อง เศษปูน หล่นใส่ผู้คน เป็นต้น

อย่างไรก็ตามก่อนทำประกันภัยจะต้องพิจารณาทุนประกันภัย กับเงื่อนไขในภัยแต่ละชนิดให้รอบคอบ เพราะทุนประกันภัยรวมนั้น เป็นเพียงตัวเลขที่แสดงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นระดับ 100% ขนาดอาคารถล่มเป็นซาก ภายใต้เงื่อนไขที่จำกัด ยกตัวอย่าง อาคาร A มีทุนประกัน 100 ล้านบาท แล้วเกิดกรณีแผ่นดินไหว ซึ่งส่งผลให้อาคารเกิดความเสียหายทั้งอาคาร หากในเงื่อนไขกรมธรรม์ระบุว่า มีการจำกัดวงเงินคุ้มครองอยู่จำกัดที่ 20 ล้านบาท ก็จะสามารถเคลมได้เพียง 20 ล้านบาท เป็นต้น

นอกจากนี้ต้องเลือกบริษัทประกันภัยที่มีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับในระดับหนึ่ง เพื่อให้ไว้วางใจได้ในการให้บริการ และมีกำลังในการชดเชยความเสียหาย ซึ่งการใช้บริการโบรกเกอร์ประกันภัย ถือเป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ใช้บริการ ปัจจุบันมีบริษัทใหญ่ๆ อยู่หลายราย ซึ่งข้อดีของการใช้บริการโบรกเกอร์ นั้น จะเป็นประโยชน์ในด้านการต่อรองในการเคลมประกันแต่ละเคส รวมไปถึงการเสนอราคาค่าเบี้ยประกันที่อาจได้เรทดีกว่าการดีลตรงกับบริษัทประกันภัย

อย่างไรก็ดี ฝ่ายจัดการอาคาร ควรต้องศึกษาว่ามีความเสียหายใดที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เพื่อหาทางป้องกันปัญหาระยะยาว เพราะการเคลมบ่อยๆนั้นมีผลต่ออัตราเบี้ยในปีถัดไป เช่น หากทุกครั้งที่ฝนตก มีน้ำรั่วซึมจากขอบกระจกด้านนอก ก็ควรหาแนวทางป้องกันระยะยาว เช่น ทำซีลขอบกระจกใหม่ทั้งอาคาร หรือแม้แต่เคสที่เป็นข่าวล่าสุดกรณีน้ำท่วมในลานจอดรถคอนโดแห่งหนึ่ง ส่งผลกระทบให้รถผู้พักอาศัยเสียหายจำนวนมาก หลังการทำเคลมเรื่องดังกล่าว ต้องเร่งตรวจสอบและแก้ไขปัญหาระยะยาว เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก เป็นต้น

อย่างไรก็การทำประกันภัยอาคารของนิติบุคคลฯ นั้น ไม่รวมความเสียหายในทรัพย์สินของเจ้าของร่วม หรือกรณีเจ้าของร่วมสร้างความเสียหายให้กับเจ้าของร่วมรายอื่น เช่น กรณีสาย flex ของซิงค์ล้างจานแตก น้ำท่วมไปห้องเพื่อนบ้าน หรือน้ำท่วมไปลงลิฟท์ หากเจ้าของร่วมไม่ได้ทำประกันภัยไว้ ก็จะต้องรับผิดชอบความเสียหายอย่างมหาศาล เพราะไม่ได้ทำประกันภัยไว้ เป็นต้น

ดังนั้นเพื่อให้ครอบคลุมความเสียหาย เจ้าของห้องชุดควรจะหันมาให้ความสำคัญกับการทำประกันภัยห้องชุดของตนเองเพิ่มเติม เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ หรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด โดยเลือกทำประกันเพิ่มเติมดังนี้

ประกันอัคคีภัย

เป็นประกันที่เจ้าของห้องควรทำเพื่อคุ้มครองทรัพย์สินภายในห้อง หากคุณซื้อคอนโดด้วยการกู้เงินจากธนาคารจะต้องใช้ทรัพย์สินที่ซื้อเป็นหลักประกัน ดังนั้นตามกฎหมายจะต้องทำประกันอัคคีภัย แต่สำหรับผู้ซื้อด้วยเงินสด ก็ควรทำประกันไว้ โดยเฉพาะเมื่อลงทุนปล่อยเช่า หากผู้เช่าทำความเสียหายรุนแรง เช่น ลืมปิดเตาจนทำให้เกิดเหตุเพลิงไหม้ จนข้าวของภายในห้องเสียหาย มากกว่าเงินประกันที่เก็บจากผู้เช่า จะยังมีเงินคุ้มครองจากการทำประกันสำรองใช้ในการซ่อมแซมอีกด้วย

การประกันภัยบุคคลที่ 3

เป็นการประกันภัยที่คุ้มครองชีวิต และทรัพย์สินของผู้ที่ได้รับความเสียหายจากความประมาทของเรา เช่น หากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจากสิ่งของของคุณไปทำอันตรายยังบุคคลอื่น หรืออุบัติเหตุลุกลามเป็นวงกว้างไปยังพื้นที่ห้องข้างเคียงหรือพื้นที่ส่วนกลาง การทำประกันสามารถครอบคลุมมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน

อ่านบทความอื่นๆ ได้ที่ https://www.plus.co.th/ข่าว-และ-บทความ

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร รับบริหารจัดการโครงการที่พักอาศัยและเพื่อการพาณิชย์ ด้วยทีมงานระดับคุณภาพกับประสบการณ์ที่มากกว่า 20 ปี เติมเต็มทุกความต้องการอย่างแท้จริง สนใจติดต่อเพื่อรับข้อมูลด้านบริหารโครงการเพิ่มเติมได้ที่ 02 688 7555 หรือ คลิกที่นี่ เพื่อให้เราติดต่อกลับ 

บทความที่เกี่ยวข้อง:

เรื่องเด่นน่าสนใจ

เรื่องราวยอดนิยม