อสังหาริมทรัพย์สะท้อนภาวะเศรษฐกิจ
เมื่อสภาพัฒน์ได้ประกาศตัวเลขจีดีพีครึ่งปี 2561 เติบโต 4.8% แน่นอนว่าการเติบโตของตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีนั้นย่อมสะท้อนความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทย แต่ในขณะเดียวกันก็มีเสียงจากประชาชนสะท้อนถึงการไม่รู้สึกสอดคล้องกับตัวเลขเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นนี้ จุดนี้เองนักวิชาการหลายฝ่ายได้ออกมาเสนอความคิดเห็นว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่าการเติบโตของตัวเลขจีดีพีนั้นไม่ได้หมายถึงว่าภาคการผลิตจะสามารถขายของได้ในราคาที่ดีอย่างเดียว แต่การเพิ่มกำลังการผลิตและมีการสต๊อกสินค้าไว้ก็มีส่วนทำให้จีดีพีเติบโตเช่นกัน
ในส่วนของภาคอสังหาริมทรัพย์เอง ในปี 2561 ก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเติบโตนี้ก็ถือว่าสอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในทิศทางเดียวกัน ยิ่งภาครัฐมีความคืบหน้าในการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานหลายทำเล ผู้ประกอบการรายหลายก็เดินหน้าลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในทำเลนั้นๆ เช่นกัน นอกจากนี้ผู้เล่นในตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังได้มีการปรับกลยุทธ์ในการเน้นเปิดโครงการที่จับตลาดระดับบนมากขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อโดยไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ โดยกลยุทธ์นี้ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้มีการปรับตัวมาตั้งแต่ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา สอดคล้องกับข้อมูลการสำรวจของฝ่ายวิจัยและพัฒนา ของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ เกี่ยวกับภาพรวมของตลาดคอนโดมิเนียมล่าสุดพบว่าสถานการณ์โดยรวมราคาขายเฉลี่ยตลาดคอนโดมิเนียมในทุกเซกเม้นต์ยังขยับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องเฉลี่ยที่ 6% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนมาอยู่ที่ 110,000 บาทต่อตารางเมตร จากเดิมที่มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 100,000 บาทต่อตารางเมตร โดยคอนโดมิเนียมที่มีราคาเสนอขายเฉลี่ยสูงสุดยังอยู่ที่เพลินจิต-ชิดลม ราคาเฉลี่ยที่ 260,000 บาทต่อตารางเมตร เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีราคาเสนอขายเฉลี่ยอยู่ที่ 250,000 บาทต่อตารางเมตร รองลงมาคือโซนสุขุมวิทตอนต้นราคาเสนอขายเฉลี่ยอยู่ที่ 200,000 บาทต่อตารางเมตร เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีราคาเสนอขายเฉลี่ยอยู่ที่ 190,000 บาทต่อตารางเมตร โดยโครงการในเซกเม้นต์กลาง-บน ที่ระดับราคาตั้งแต่ 130,000 – 300,000 บาทต่อตารางเมตร มียอดขายโดดเด่นจากตลาด เฉลี่ยที่ 48% โดยโซนที่มียอดขายเฉลี่ยสูงสุดยังเป็นคอนโดมิเนียมที่เจาะกลุ่มตลาดกลาง-บนในโซนเพลินจิต-ชิดลม สีลม-สาทร สุขุมวิทตอนปลาย และรัชดาภิเษก
จากข้อมูลดังกล่าวจึงอธิบายให้เห็นว่า “เหตุใดเศรษฐกิจเติบโต แต่ประชาชนทั่วไปไม่รู้สึก” เพราะการเติบโตที่เกิดขึ้นเป็นการสะท้อนออกมาในเชิงมหภาคที่เป็นภาพใหญ่ อย่างไรก็ตามสภาพัฒน์ยังคงประมาณการณ์เศรษฐกิจในปี 2561 อยู่ที่ 4.2-4.7% ซึ่งทางพลัสฯ เองมองว่ามีความเป็นไปได้ที่ครึ่งปีหลังประชาชนทั่วไปจะเริ่มรับรู้ถึงการเติบโตของเศรษฐกิจมากขึ้น เนื่องจากในปีนี้ภาครัฐได้เริ่มลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้าหลายสาย และมีบางสายเช่นสายสีเขียว หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ที่เริ่มเข้าใกล้เปิดใช้ในปี 2563 ทำให้ภาคเอกชนหลายฝ่ายเริ่มวางแผนการลงทุนตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวโดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มจับจองพื้นที่เปิดโครงการใหม่อย่างคึกคัก ซึ่งก็จะทำให้เกิดการจ้างงานและนำไปสู่การกระจายรายได้ในพื้นที่ นอกจากนี้ยังเริ่มเห็นผู้ประกอบการรายใหญ่หลายรายเริ่มหันมาเปิดโครงการทาวน์เฮาส์ที่เน้นกลุ่มเป้าหมายในตลาดระดับกลาง จึงน่าจะเป็นสัญญาณว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจที่โตขึ้นจะเริ่มสะท้อนถึงประชาชนจนมีความรู้สึกร่วมมากขึ้นครับ
บทความประจำคอลัมน์ Property Key หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ โดย พลัส พร็อพเพอร์ตี้
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ตัวแทนด้านอสังหาริมทรัพย์ ให้คำปรึกษาฝากขายปล่อยเช่า บริหารโครงการที่พักอาศัย และโครงการเพื่อการพาณิชย์ ด้วยทีมงานระดับคุณภาพ กับประสบการณ์ที่มากกว่า 20 ปี เติมเต็มทุกความต้องการอย่างแท้จริง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร 02 688 7555 หรือ www.plus.co.th