5 ข้อควรรู้ ก่อนตัดสินใจซื้อบ้านหลังแรก

12 ก.ค. 2019 พลัสทอล์ก

บทความประจำคอลัมน์พิเศษ โดย พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ที่ estopolis.com 
โดย คุณอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ  

เมื่อผ่านประสบการณ์ชีวิตมาระยะหนึ่ง หลายๆ คนก็จะเริ่มคิดถึงการมีพื้นที่ส่วนตัว และเริ่มมองหาบ้านหลังแรกสำหรับตัวเอง เรื่องการเตรียมตัวซื้ออสังหาริมทรัพย์นั้น ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ แต่สำหรับมือใหม่หรือผู้ที่กำลังจะตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเป็นครั้งแรกนั้นย่อมมีความกังวลใจในหลายส่วน 

เพราะว่าบ้านหลังแรกอาจจะเป็นหลังที่หลายคนตั้งใจอยู่อาศัยไปจนถึงวัยเกษียณ ดังนั้นการจะตัดสินใจจึงต้องคิดอย่างรอบด้าน วันนี้ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จึงได้รวบรวม ขั้นตอนการเตรียมตัวสำหรับผู้ที่จะซื้อบ้านหลังแรกไว้ดังนี้

1. ตั้งโจทย์ความต้องการก่อนตัดสินใจซื้อ 

โดยต้องรู้วัตถุประสงค์ในการซื้อว่าเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัย กับใคร ผู้อยู่อาศัยมีจำนวนกี่คน หรือเป็นการซื้อเพื่อลงทุน ซึ่งการทราบวัตถุประสงค์นี้จะนำไปสู่การกำหนดประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่จะซื้อให้สอดคล้องกัน เช่น

หากอยู่อาศัยคนเดียวอาจจะกำหนดเป็นคอนโดมิเนียม หรือหากอยู่เป็นครอบครัวอาจจะต้องขยายเป็นบ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮ้าส์ และหากต้องการพื้นที่ที่สามารถใช้เป็นสถานที่ทำธุรกิจหรือการค้าได้อาคารพาณิชย์ก็จะตอบโจทย์ได้มากกว่าเป็นต้น 

นอกจากนี้ยังต้องกำหนดรูปแบบที่ต้องการซื้อเช่น เป็นการซื้อโครงการใหม่หรือโครงการมือสอง ซึ่งรูปแบบที่ต้องการซื้อนี้ก็จะสอดคล้องกับงบประมาณ ที่ต้องเตรียมตัว และสัมพันธ์กับการติดต่อกู้สินเชื่อกับสถาบันการเงินรวมถึงการวางแผนการผ่อนอีกด้วย

2. เลือกอย่างไรให้ได้บ้านตรงใจ 

โดยการเลือกให้ได้ตรงใจนั้นต้องพิจารณาจากหลายปัจจัยทั้งทำเลที่ตั้งของโครงการ ซึ่งจะต้องพิจารณาว่าทำเลดังกล่าว มีการเชื่อมโยงระบบคมนาคมที่สะดวกหรือไม่ รวมถึง จะต้องศึกษาข้อมูลของโครงการว่า ได้ออกแบบ Concept และฟังก์ชันต่างๆ เข้ากับความต้องการและรสนิยมของเราหรือไม่ เช่น 

หากเป็นคนที่ชื่นชอบการออกกำลังกายก็จะต้องพิจารณาโครงการที่มีสโมสร ฟิตเนสที่เน้นอุปกรณ์การออกกำลังกายหลากหลายแต่หากเป็นผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติก็อาจจะเน้นโครงการที่มีสวนและพื้นที่ส่วนกลางที่ร่มรื่นเป็นต้น 

นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาถึงผู้บริหารอาคารนิติบุคคลที่มีความเป็นมืออาชีพเนื่องจาก การดูแลสภาพอาคารและพื้นที่ส่วนกลางให้สวยงามสม่ำเสมอนั้น ย่อมมีความสำคัญในระยะยาว รวมถึงจะต้องพิจารณาชื่อเสียงของผู้พัฒนาโครงการ และตัวแทนการขายว่ามีประวัติที่ดีมีความน่าเชื่อถือหรือไม่ เนื่องจากบ่อยครั้งที่เกิดปัญหาผู้พัฒนาทิ้งโครงการ จนทำให้เกิดการฟ้องร้องตามมา


ภาพจากโครงการ นาราสิริ บางนา SH180165

3. ประเมินความสามารถทางการเงิน

 หากการซื้อที่อยู่อาศัยหลังแรก เป็นการซื้อด้วยการกู้เงินจากสถาบันการเงินจะต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อม โดยสถาบันการเงินจะพิจารณาประกอบด้วยว่า ผู้กู้เป็นผู้มีรายได้ที่แน่นอนกรณีเป็นพนักงานประจำต้องมีรายได้ขั้นต่ำ 10,000 บาทต่อเดือน กรณีเป็นเจ้าของกิจการหรือฟรีแลนซ์ต้องมีรายได้ขั้นต่ำ 15,000 บาทต่อเดือน 

ผู้กู้จะต้องมีอายุระหว่าง 20 ถึง 70 ปีมีประวัติการโอนเงินเข้าบัญชีอย่างสม่ำเสมอและไม่มีประวัติหนี้เสียมาก่อน ส่วนอัตราการผ่อนวงเงินกู้นั้น จะเริ่มต้นที่ 1 ล้านบาทต่อการผ่อน 7,000 บาทต่อเดือน

นอกจากนี้ยังสามารถ คำนวณ เงินเดือนต่อความสามารถในการกู้ ได้จาก Application ต่างๆ ที่ปัจจุบันมีให้บริการอย่างมากมาย ส่วนขั้นตอนการขอกู้กับธนาคารและการกู้ร่วม จะต้องเตรียมเอกสาร อาทิ บัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน ใบเปลี่ยนชื่อสกุล เอกสารทางการเงินต่าง (สลิปเงินเดือน, การเดินบัญชีย้อนหลัง ฯลฯ) 

ส่วนการกู้ร่วมนั้นก็เอกสารประกอบ่ของผู้กู้ร่วมซึ่งจะปลีกย่อยแตกต่างกันไปตามความสัมพันธ์กับผู้กู้ ซึ่งหลังจากยื่นเอกสารกับธนาคารแล้วก็ต้องมาทำความเข้าใจในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยซึ่งอัตราดอกเบี้ยนั้นมีทั้งแบบคงที่ และลอยตัว เป็นต้น

4. เตรียมพร้อมเรื่องเอกสารและค่าใช้จ่าย 

ขั้นตอนนี้จะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ 

  • เอกสารและค่าใช้จ่ายช่วงระหว่างการซื้อ ได้แก่ สัญญาจะซื้อจะขายโครงการซึ่ง ต้องเตรียมสำเนาบัตรประชาชนเงินจองและเงินดาวน์ โดยค่าใช้จ่ายต่างๆ เหล่านี้ จะต้อง ระบุในสัญญาให้แน่ชัด ตั้งแต่วันเซ็นสัญญาจะซื้อจะขายว่าใครเป็นคนจ่าย และอีกส่วนหนึ่งคือ
  • เอกสารและค่าใช้จ่ายช่วงการโอนกรรมสิทธิ์ ประกอบด้วยสำเนาบัตรประชาชนสำเนาทะเบียนบ้านและเอกสารเปลี่ยนชื่อนามสกุล โดยจะมีค่าใช้จ่ายสำหรับการโอนกรรมสิทธิ์ เช่น ค่าธรรมเนียมการโอน 2% ของราคาประเมิน ค่าอากร 0.5 เปอร์เซ็นต์ของราคาซื้อขาย ค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย ค่าจดจำนอง 1% ค่าเขียนคำขอ 20 บาทค่าอากรแสตมป์ 5 บาทค่าพยาน 20 บาท  

นอกจากนี้ในกรณีการขายคอนโดมิเนียม หากผู้ซื้อ ซื้อยังไม่ถึง 5 ปีหรือมีชื่อในทะเบียนบ้านไม่ถึง 1 ปีจะต้องจ่ายภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% ของราคาประเมิน


ภาพจากโครงการ โมริ เฮาส์

5. ตรวจเช็คก่อนรับมอบโอน 

ก่อนที่จะถึงวันรับมอบโอนห้องชุดหรือบ้านหากเป็นโครงการใหม่ทางโครงการจะนัดหมายให้ผู้ซื้อเข้ามาตรวจสอบความเรียบร้อยและเป็นไปตามสัญญาที่กำหนด โดย จุดสำคัญที่จะต้องตรวจสอบหลักๆ คือระบบไฟฟ้าระบบน้ำ ฝ้าเพดาน เฟอร์นิเจอร์ และวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ตามที่ระบุไว้ในสัญญา

หากมีจุดที่ไม่เป็นไปตามที่ระบุไว้ ทางโครงการจะต้องดำเนินการแก้ไขให้เสร็จก่อนวันรับมอบ ส่วนในกรณี บ้านมือสองทางผู้ขายจะนัดหมายให้ผู้ซื้อเข้ามาตรวจสอบความเรียบร้อยให้เป็นไปตามสัญญาที่ตกลงไว้ หากมีการซ่อมแซมปกติผู้ขายจะต้องเป็นผู้ดำเนินการซ่อม หรือแล้วแต่ข้อตกลงระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย แต่จะต้องดำเนินการให้เสร็จก่อนวันรับมอบ

และอีกหนึ่งข่าวดี สำหรับผู้กำลังจะซื้อบ้านหลังแรก ล่าสุดภาครัฐได้อนุมัติการลดหย่อนภาษีเงินได้สำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรกราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ลดหย่อนได้ตามจำนวนเงินที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 200,000 บาท (ตั้งแต่ 30 เมษายน – 31 ธันวาคม 2562) 

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการสำหรับผู้ที่รายได้ต่ำกว่า 25,000 บาทต่อเดือน หากซื้อบ้านหลังแรก ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท จะได้รับการลดค่าโอน – ค่าจดจำนองบ้าน เหลือ 0.01% (ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2563) 

อัพเดทล่าสุด (2 พ.ย. 62) รัฐบาลประกาศลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนเหลือ 0.01% จากเดิม 2% และลดค่าจดทะเบียนจดจำนองอสังหาริมทรัพย์เหลือ 0.01% จากเดิม 1% สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุด ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อหน่วย โดยการจดทะเบียนการโอนและการจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ เริ่มตั้งแต่ 2 พฤศจิกายน 2562 ต่อเนื่องถึงวันที่ 24 ธันวาคม 2563 เพื่อหวังผลักดันยอดขายในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี

แม้ว่าการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยจะทำให้ผู้กู้มีหนี้สินก้อนโตในระยะยาว แต่ภาระหนี้สินสำหรับที่อยู่อาศัยนั้นถือว่าเป็นการก่อหนี้ที่เกิดประโยชน์ทั้งด้านการมีสินทรัพย์ที่มีราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกปีโดยเฉพาะหากที่อยู่อาศัยแห่งนั้นได้รับการดูแลอย่างดีย่อมสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาวให้กับเจ้าของได้อย่างงดงามครับ 


หาข้อมูลคอนโดที่คุณต้องการได้ที่นี่: คอนโดสุขุมวิท, คอนโดให้เช่า, คอนโดจตุจักร, ขายคอนโด, คอนโดทองหล่อ, ทรัพย์สินรอการขาย, คอนโดพระราม 4, ระบบรักษาความปลอดภัย, บ้านหรู, คอนโดหรู

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ตัวแทนด้านอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ให้คำปรึกษาฝากขายปล่อยเช่า และการซื้อขายคอนโดมือสอง ครบทุกขั้นตอน บริหารโครงการที่พักอาศัย/โครงการเพื่อการพาณิชย์ บริหารงานขายและการตลาดโครงการ ด้วยทีมงานระดับคุณภาพ กับประสบการณ์ที่มากกว่า 20 ปี เติมเต็มทุกความต้องการอย่างแท้จริง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร 02 688 7555 หรือ คลิกที่นี่ เพื่อศึกษาข้อมูลการบริการของเราเพิ่มเติมครับ

ติดต่อทีมงาน PLUS Brokerage Service

เรื่องเด่นน่าสนใจ

โครงการแนะนำ

Free E-book

5 เทคนิคหาเช่าคอนโดให้สบายใจก่อนแพ็คกระเป๋าเข้าอยู่

5 เทคนิคหาเช่าคอนโดให้สบายใจก่อนแพ็คกระเป๋าเข้าอยู่

ปัจจุบันการหาที่พักอาศัยในเมืองสำหรับคนที่ต้องการความสะดวกสบายในเรื่องการเดินทางการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยประเภท คอนโดมิเนียม กำลังเป็นที่นิยมกันมาก แต่สำหรับคนที่ยังตัดสินใจซื้อไม่ได้ ย้ายที่ทำงานบ่อย หรือมีงบประมาณที่จำกัดในการเลือกที่อยู่อาศัย คู่มือการหาเช่าคอนโดเล่มนี้จากพลัส พร็อพเพอร์ตี้ เปรียบเสมือนเป็นไกด์นำทาง และจะมาบอกเทคนิคดีๆ ไว้ให้คุณหาเช่าคอนโดให้สบายใจตอบโจทย์ทุกความต้องการ