ผลกระทบของอสังหาฯ กับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC
คอลัม Property Focus : ผลกระทบของอสังหาฯ กับประชาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยน หรือ AEC
ภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้นมีคนพูดถึงเสมอว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ได้เปรียบในด้านภูมิศาสตร์เพราะเป็นประเทศที่ตังอยู่ตรงกลาง ดังนั้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยน่าจะได้รับผลกระทบในแง่บวกโดยเฉพาะพื่นที่ซึ่งอยู่ติดกับเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ดีจากการติดตามตลาดอย่างใกล้ชิดแล้วผลกระทบในแง่บวกดังกล่าวยังไม่เกิดขึ้น อาจจะเป็นเพราะเศรษฐกิจของทุกประเทศยังไม่ฟื้น ผมมองว่าอานิสงค์จะมาได้ก็ต่อเมื่อโครงการคมนาคมต่างๆ เช่นการสร้างทางรถไฟเชื่อมต่อระหว่างประเทศรวมถึงเส้นทางรถไฟที่เชื่อมต่อไปยังประเทศจีนต้องเสร็จก่อน ในส่วนของการจ้างงานประเทศไทยนั้นได้มีการว่าจ้างแรงงานต่างด้าวโดยเฉพาะชาวเมียนม่าร์ ชาวกัมพูชา และชาวลาว อยู่แล้วตั้งแต่ก่อนเปิด AEC เนื่องจากตลาดแรงงานของบ้านเราขาดแคลน โดยเฉพาะแรงงานด้านการก่อสร้าง พนักงานรักษาความปลอดภัย และ พนักงานรักษาความสะอาด ซึ่งต่อให้จ้างแรงงานจากเพื่อนบ้านเข้ามาแล้วก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการในตลาดอยู่ดี เนื่องจากธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ผ่านมาเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่การแรงงานที่ต้องมาดูแลด้านการบริหารการจัดการต่อมีไม่เพียงพอ นักเรียนที่เรียนจบในสายอาชีวะมีจำนวนน้อยกว่าปริมาณงานมาก ดังนั้นเรื่องการเคลื่อนย้ายแรงงานในระดับที่เป็น Blue Collar นั้นเกิดขึ้นมาสักพักแล้วไม่ว่าจะเปิด AEC หรือไม่ แต่สำหรับแรงงานระดับ White Collar นั้น ภาษาถือเป็นเรื่องที่สำคัญ สำหรับประเทศไทยนั้นต้องยอมรับว่าการที่ชาวต่างชาติจะเข้ามาทำงานแต่ไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้นั้นถือว่าเป็นอุปสรรคที่สำคัญในการทำงาน เนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่ในองค์กรนั้นยังคุ้นเคยกับการใช้ภาษาไทยเป็นหลัก ในทางตรงกันข้ามประเทศไทยเองมีโอกาสที่จะเสียแรงงานคนไทยที่มีประสิทธิภาพไปให้ประเทศอื่นใน AEC ที่การสื่อสารในประเทศใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักและมีการจ่ายค่าจ้างที่สูงกว่า เช่น สิงค์โปร์ เนื่องจากแรงงานไทยในระดับนี้ สมารถใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารได้ดีอยู่แล้ว ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่แรงงานเหล่านี้จะถูกซื้อตัวออกไป
อีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องจับตาดูต่อไปก็คือ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ต่างๆให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อการลงทุนข้ามประเทศ ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลได้เริ่มมีการนำเสนอเรื่องการขยายเวลาการให้เช่าที่ดินระยะยาวสำหรับชาวต่างชาติจาก 30 ปี เป็น 99 ปี ไปแล้ว แต่จะสามารถบังคับใช้ได้หรือไม่ก็คงต้องติดตามต่อไปเพราะเกิดกระแสการต่อต้านพอสมควร ส่วนตัวแล้วผมสนับสนุนนโยบายนี้อย่างเต็มที่เพราะจะทำให้เศ่รษฐกิจสามารถเติบโตต่อไปได้ ซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นๆก็ยังตกเป็นของคนไทยอยู่ดี ที่สำคัญเราอยู่ร่วมกับหลายประเทศอื่นๆในโลกซึ่งเค้าปรับตัวกันไปหมดแล้ว ถ้าเราไม่ปรับตัวให้เข้ากับเค้า เราก็จะอยู่กับเค้าลำบาก และถ้ากฎหมายต่างๆมีการปรับเปลี่ยนให้เป็นมาตรฐานสากลและเอื้อประโยชน์ต่อการลงทุนแล้ว อนาคตเราคงจะเห็นการควบรวมบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคนี้มากขึ้นอย่างไรก็ดีการควบรวมหรือการหาพันธมิตรทางธุรกิจนั้น จะเกิดผลดีได้ก็ควรที่จะมีการแลกเปลี่ยนความรู้ความชำนาญระหว่างกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งปัจจุบันที่เราเห็นก็จะมีการร่วมทุนหรือเป็นพันธมิตรเกิดขึ้นมากมาย เช่น ระหว่างบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กับบริษัทขนส่งมวลชน บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กับบริษัทก่อสร้างจากประเทศญี่ปุน หรือ เป็นการลงทุนพัฒนาโครงการในประเทศเวียดนามและฟิลิปปินส์ เป็นต้น
สำหรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยนนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่บังเอิญเรามาเจอปัญหาเศรษฐกิจของโลกทำให้ภาพความร่วมมือต่างๆยังไม่เห็นเป็นรูปธรรมออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งคงต้องคอยเอาใจช่วยให้เศรษฐกิจโลกค่อยๆฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแรง พอถึงช่วงนั้นแล้วเราคงได้เห็นประโยชน์ที่ได้จากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยนอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นครับ
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร รับบริหารจัดการโครงการที่พักอาศัยและเพื่อการพาณิชย์ ด้วยทีมงานระดับคุณภาพกับประสบการณ์ที่มากกว่า 20 ปี เติมเต็มทุกความต้องการอย่างแท้จริง สนใจติดต่อเพื่อรับข้อมูลด้านบริหารโครงการเพิ่มเติมได้ที่ 02 688 7555 หรือ คลิกที่นี่ เพื่อให้เราติดต่อกลับ
บทความที่เกี่ยวข้อง :
มหานครนิวยอร์กเมืองหลวงโลก เมืองหลวงแห่งการลงทุน
ปัจจจัยกระทบอสังหาริมทรัพย์ปี 2559