ต่อจิกซอว์ โรดแมปสนามบินสุวรรณภูมิ รับสูงสุด 120 ล้านคนต่อปี

20 ก.ย. 2016 บทความอื่นๆ


ซึ่งการขยายสนามบินสุวรรณภูมิ ไม่ได้มีแค่เฉพาะในเฟสนี้ แต่ในแผนระยะยาวของการพัฒนาสนามบินแห่งนี้ ได้วางเลย์เอาต์ไว้ในกรอบใหญ่ถึงความสามารถในการขยายการรองรับผู้โดยสารได้สูงสุดถึง 120 ล้านคนต่อปี ดังนั้นการเดินหน้าลงทุนในเฟส 2 จึงถือเป็นปฐมบท ที่จะนำไปสู่การขยายการพัฒนาต่อเนื่องในเฟสต่อไปที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้ง่ายต่อการนึกภาพให้ออก เราจะพบว่าสนามบินสุวรรณภูมิในเฟสแรก ที่เรากำลังใช้งานกันอยู่ ถูกจัดว่าเป็นโซนการพัฒนาทางด้านทิศเหนือของสนามบิน รองรับผู้โดยสารได้ 45 ล้านคนต่อปี แต่วันนี้มีผู้โดยสารใช้บริการ 55.6 ล้านคน เกินขีดความสามารถในการรองรับของสนามบินไปร่วม 10 ล้านคนต่อปี คนที่ไปใช้บริการจะรู้สึกชัดเจนถึงความแออัดของสนามบินโดยเฉพาะในชั่วโมงคับคั่ง(พีก) ขณะที่เฟส 2 ที่ตั้งธงจะทำมาตั้งแต่ปี 2554 เพิ่งมาเดินหน้าในรัฐบาลชุดนี้ จากที่สะดุดไปนานจากกระบวนการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม EIA และปัญหาการเมืองของไทย


แผนผังสนามบินสุวรรณภูมิ
เฟส 2 จ่อเปิดประมูลอีก 4 สัญญา
แผนพัฒนาในเฟส 2 จะขยายการรองรับผู้โดยสารเพิ่มเป็น 60 ล้านคนต่อปี เป็นการพัฒนาพื้นที่ฝั่งทิศตะวันออกของสนามบิน ที่งานก่อสร้างหลักใน 5 เรื่องที่จะเกิดขึ้นใน อาคารเทียบเครื่องบินรอง หลังที่ 1 จะเป็นอาคารเดี่ยวระดับ 6 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 2.16 แสนตร.ม.สามารถรองรับจำนวนผู้โดยสารจำนวน 15 ล้านคนต่อปี ลานจอดอากาศยานเทียบเครื่องบินรอง หลังที่ 1 จะประกอบด้วยลานจอดเครื่องบินประชิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ซึ่งรองรับอากาศยานได้ 28 ลำ (รองรับเครื่องบินขนาดโบอิ้ง747-400 ได้ 20 หลุมจอด และแอร์บัสเอ380 ได้ 8 หลุมจอด) มีระบบขนส่งผู้โดยสาร (Automated People MoverหรือAPM) เป็นระบบรถไฟฟ้าขนส่งผู้โดยสารจากเฟส 1 มายังอาคารเทียบเครื่องรองหลังที่ 1(เฟส2)

ระยะทาง 800 เมตร และส่วนต่อขยายอุโมงค์ทางด้านทิศใต้ ที่ต้องเผื่อไว้อีก 800 เมตร ซึ่งประกอบไปด้วย ศูนย์ซ่อมบำรุงระบบ APM ที่ปลายอุโมงค์ และสถานีAPM ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาคารผู้โดยสารหลังเดิม รวมถึงระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า ที่จะเป็นระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าความเร็วสูงระหว่างอาคาร (ภาพประกอบ)

โดยโครงการลงทุนในเฟส 2 จะเปิดประมูลทั้งหมดใน 7 สัญญา ขณะนี้ได้เปิดประมูลและได้ผู้รับเหมามาเริ่มงานแล้ว 3 สัญญา คือ บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด หรือ ITD ดำเนินการในสัญญางานจ้างก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินหลังที่ 1 (ชั้น B2 ชั้น B1 และชั้น G) ลานจอดอากาศยานประชิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 และส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ (งานโครงสร้างและงานระบบหลัก) กิจการค้าร่วมเอส จี แอนด์ อินเตอร์ลิ้งค์ ดำเนินงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค และกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา SCS เป็นปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง (CSC)

ทั้งนี้เฟส 2 มีกรอบวงเงิน 6.2 หมื่นล้านบาท ก่อนเปิดประมูล ได้ปรับลดงบก่อสร้างลงโดยไม่ได้ลดสเปกลงไปได้ 7.390 พันล้านบาท และหลังเปิดประมูลใน 3 สัญญาไปแล้วยังได้ต่ำกว่าราคากลาง 1,650 ล้านบาท จนถึงขณะนี้ปรับลดงบลงทุนต่ำกว่ากรอบงบประมาณไป 9,040 ล้านบาท ซึ่งการปรับลดงบที่เกิดขึ้นเกิดจาก 3 เรื่องหลัก คือ 1.การกำหนดราคากลาง โดยอิงการใช้คอนกรีตในโครงการนี้ราว 1 ล้านคิว ต่อรองราคาขายส่งได้ที่ 2,200 บาทต่อคิว ไม่ใช่ 2,800 บาทต่อคิว 2.การประกาศชัดเจนว่าไม่มีการจัดทัวร์ไปดูงานเมืองนอก และ3.ไม่มีการคิดค่าใช้จ่ายค่าล่วงเวลาหรือโอที ให้แก่พนักงานผู้มาควบคุมงาน

ดังนั้นจึงยังเหลืออีก 4 สัญญาที่อยู่ในขั้นตอนเตรียมเปิดประมูล ได้แก่ งานจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) ราคากลางไม่เกิน 3,000 ล้านบาท ที่จะเปิดประกวดราคาได้ในเดือนตุลาคมนี้ เริ่มงานก่อสร้างได้ในราวเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2560 ส่วนอีก 3 สัญญาจะเปิดประมูลในปีหน้า คือ งานจ้างก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1(ชั้น 2 – 4) และส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ (งานระบบย่อย) กรอบราคา 1.9 หมื่นล้านบาท งานจ้างก่อสร้างส่วนขยายอาคารผู้โดยสารทิศตะวันออก อาคารสำนักงานสายการบินและที่จอดรถด้านทิศตะวันออก ราคากลาง 4,900 ล้านบาท และงานจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า (BHS) และระบบตรวจจับวัตถุระเบิด (EDS) (ขาออก) กรอบราคากลาง 6,600 ล้านบาท

ดันเฟส 3 เข้ายุทธศาสตร์ชาติ20ปี
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เฟส 2 ของสนามบินสุวรรณภูมิ จะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายนปี2562 และในขณะนี้บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)หรือทอท.ยังอยู่ระหว่างพิจารณาที่จะดำเนินการขยายสนามบินในระยะต่อไป คือ การสร้างรันเวย์เส้นที่ 3 และอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 เพื่อขยายการรองรับของสนามบินสุวรรณภูมิ เป็น 90 ล้านคนต่อปี ที่วางแผนจะให้แล้วเสร็จภายในปี 2565 ซึ่งในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของกระทรวงคมนาคมที่อยู่ในระหว่างการจัดทำแผนก็จะมีบรรจุเรื่องแผนขยายการรองรับของสนามบินแห่งนี้ในส่วนนี้ไว้ด้วย

ทั้งนี้แผนในเฟส 3 ของสนามบินสุวรรณภูมิ จะเป็นการพัฒนาในด้านทิศตะวันตกของสนามบิน รันเวย์ ใช้งบราว 2 หมื่นล้านบาทรวมชดเชยผลกระทบทางเสียง และอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 วงเงินราว 3.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งปัจจุบันทอท.ได้กันงบมาใช้สำหรับการเตรียมจัดจ้างผู้ออกแบบโครงการในเฟส3 ระหว่างที่รอให้กระบวนการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมดำเนินการแล้วเสร็จ แล้วจึงนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาเห็นชอบการก่อสร้าง ซึ่งทอท.จะดำเนินการลงทุนควบคู่ไปกับเฟส 2 โดยจะสอดรับกับมติของบอร์ดทอท.ที่ไฟเขียวให้ดำเนินการในเฟส 2 และเฟส 3 วงเงินลงทุนร่วม 1.17 แสนล้านบาท

พัฒนาพื้นที่ทิศใต้เป็นอัลติเมท เฟส
ไม่เพียงแต่ 3 เฟสนี้ที่มีแผนการเดินหน้าลงทุนที่ชัดเจนแล้ว สเต็ปสุดท้ายที่อยู่ในแผนรอการพัฒนาในช่วงสุดท้าย คือ การพัฒนาพื้นที่ด้านทิศใต้ของสนามบิน ซึ่งอยู่ด้านฝั่งถนนบางนา- ตราด สามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุดเต็มศักยภาพ(อัลติเมท เฟส)ที่ 120 ล้านคนต่อปี โดยในแผนดังกล่าวที่วางไว้เป็นไกด์ไลน์เบื้องต้น คือ อาคารผู้โดยสาร หลังที่3 อาคารเทียบเครื่องบินรอง หลังที่2 และรันเวย์เส้นที่ 4 แต่การจะหยิบโครงการใดมาพัฒนาก่อนหรือหลัง ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาช่วงเวลาที่จะเหมาะสมในการลงทุน ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยไม่กระทบต่อภาระทางด้านการเงินของทอท.

ทั้งหมดล้วนเป็นทิศทางของแผนการขยายศักยภาพของสนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งที่กำลังจะได้ใช้งานในอีก3-5 ปีนี้ และแผนในอนาคต ที่จะเกิดขึ้น

ที่มา: ฐานเศรษฐกิจ
อ่านข่าวเกี่ยวกับอสังหาฯ ทั้งหมดเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.plus.co.th/ ข่าว-และ-บทความ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

เรื่องเด่นน่าสนใจ

เรื่องราวยอดนิยม