ครม.ไฟเขียว รถไฟรางคู่ 3 เส้นทาง 403 กิโลเมตร วงเงิน 5.5 หมื่นล้านบาท

01 พ.ย. 2016 บทความอื่นๆ


นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ 3 เส้นทาง ระยะเวลา 5 ปี (ปีงบประมาณ 2559 – 2563) ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-auction) ประกอบด้วย 1.นครปฐม – หัวหิน ระยะทาง 165 กิโลเมตร 27 สถานี วงเงิน 20,046.41 ล้านบาท โดยจะดำเนินการประกวดราคาให้แล้วเสร็จในมีนาคม 2560 และก่อสร้างแล้วเสร็จในมีนาคม 2563 2.หัวหิน – ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 90 กิโลเมตร 13 สถานี วงเงิน 10,239.58 ล้านบาท จะวางแผนเริ่มดำเนินการก่อสร้างในพฤษภาคม 2560 และเปิดบริการได้ในต้นปี 2563

โดยทั้ง 2 โครงการ เป็นการก่อสร้างทางรถไฟเพิ่มขึ้น 1 ทางระดับดินขนานกับทางรถไฟเดิมเพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วและความจุของทางรถไฟ รองรับปริมาณผู้โดยสารและสินค้าได้มากขึ้น ยกเลิกจุดตัดทางรถไฟที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ก่อสร้างทางผ่านต่างระดับเดิมเพิ่มเติมเพื่อความสะดวกและความปลอดภัยของชุมชนที่อยู่โดยรอบแนวทางรถไฟและเพื่อให้การเดินรถสะดวกปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ก่อสร้างรั้วกั้นตลอดแนวเส้นทางรถไฟเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการให้บริการ ก่อสร้างสถานีรถไฟใหม่และปรับปรุงสถานีรถไฟเดิม และโครงการฯ ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ : ผ่าน Environmental Impact Assessment : EIA และ 3.ลพบุรี – ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กิโลเมตร วงเงิน 24,722.28 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 6 ปี (ปีงบประมาณ 2559 – 2564) ซึ่งโครงการนี้จำเป็นต้องเวนคืนที่ดินประมาณ 371 ไร่ เพื่อก่อสร้างแนวเส้นทางใหม่เพื่อเลี่ยงเมืองลพบุรีไปทางทิศตะวันตก เนื่องจากแนวเส้นทางเดิมมีผลกระทบต่อโบราณสถานที่สำคัญคือ พระปรางค์สามยอด ซึ่งโครงการนี้ได้ผ่าน EIA แล้ว

ทั้งนี้รัฐบาลจึงมีแผนพัฒนาโครงการรถไฟทางคู่ ขนาดความกว้าง 1 เมตร (Meter Gauge) 2 ระยะ รวมระยะทางทั้งสิ้น 2,529 กิโลเมตร ดังนี้ ระยะเร่งด่วน 7 เส้นทาง ระยะทาง 993 กิโลเมตร ประกอบด้วย
1.ฉะเชิงเทรา – คลอง 19 – แก่งคอย 106 กม. 2.ชุมทางถนนจิระ – ขอนแก่น 185 กม.3.ประจวบคีรีขันธ์ – ชุมพร 167 กม.4.มาบกะเบา – ชุมทางถนนจิระ 132 กม. 5.ลพบุรี – ปากน้ำโพ 148 กม. 6.นครปฐม – หัวหิน 165 กม. 7.หัวหิน – ประจวบคีรีขันธ์ 90 กม. ระยะที่ 2 ประกอบด้วย 7 เส้นทาง ระยะทาง 1,536 กิโลเมตร ได้แก่ 1.ปากน้ำโพ – เด่นชัย 285 กม. 2.ชุมทางถนนจินะ – อุบลราชธานี 309 กม. 3.ขอนแก่น – หนองคาย 174 กม. 4.ชุมพร – สุราษฎร์ธานี 167 กม. 5.สุราษฎร์ธานี – หาดใหญ่ – สงขลา 339 กม. 6.หาดใหญ่ – ปาดังเบซาร์ 45 กม. และ 7.เด่นชัย – เชียงใหม่ 217 กม.
2.ปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 285 กม. วงเงิน 56,056.80 ล้านบาท 2.จิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 309 กม. วงเงิน 35,836 ล้านบาท 3.ขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 174 กม. วงเงิน 26,057 ล้านบาท 4.ชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 23,379.05 ล้านบาท 5.สุราษฎร์ธานี-สงขลา ระยะทาง 324 กม. วงเงิน 51,818 ล้านบาท 6.หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. วงเงิน 7,940 ล้านบาท และ 7.เด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 189กม. วงเงิน 59,916.79 ล้านบาท ซึ่งจะอยู่ในแผนปฏิบัติการปี 2560 และเร่งรัดอีก 2 เส้นทาง คือ รถไฟสายใหม่เด่นชัย-เชียงของระยะทาง 217 กม. วงเงิน 76,980 ล้านบาท และบ้านไผ่-นครพนมระยะทาง 355 กม. วงเงิน 60,353 ล้านบาท ให้สามารถอนุมัติครม.ในปี 2560 ด้วย ซึ่งจะทำให้โครงข่ายรถไฟทางคู่ของประเทศไทยครบทุกเส้นทางในปี2563-2564 เป็นเป็นประเทศแรกในกลุ่มอาเซียน

ขณะเดียวกันครม.อนุมัติร่างบันทึกข้อตกลงไทย-กัมพูชาในการก่อสร้างสะพานข้ามพรมแดนที่บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท ระยะทาง 29.92 กม.วงเงิน 4,190 ล้านบาท เนื่องจากพื้นที่ด่านอรัญประเทศ-ปอยเปตมีการจราจรหนาแน่น รองรับพื้นทึ่เขตเศรษฐกิจพิเศษสระแก้ว โดยกรมทางหลวง (ทล.) ได้รับเงินงบประมาณปี 2560 วงเงิน 960 ล้านบาทใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี ฝ่ายไทยรับผิดชอบก่อสร้างสะพานฝั่งไทยและถนนเชื่อมต่อ ทล.หมายเลข 33 ส่วนช่วงสะพานที่อยู่ในฝั่งกัมพูชารัฐบาลไทยให้รัฐบาลกัมพูชากู้เงินก่อสร้างในวงเงิน 928 ล้านบาท อยู่ในระหว่างการทำสัญญาเงินกู้ คาดว่าสะพานดังกล่าวจะเริ่มก่อสร้างในเดือนธ.ค.2559 นอกจากนี้ยังได้ติดตามผลหลังเปิดใช้บริการบัตร Easy Pass ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) และ M -Pass ของกรมทางหลวงที่ช้ระบบร่วมกัน มีรายงานจากกทพ.จากช่วงเวลา 00.01-12.00 น. วันที่ 1 พ.ย.2559 มีจำนวนผู้ใช้บัตร Easy Pass จำนวน255,066 คัน คิดเป็น 96.5 % และใช้บัตร M- Pass จำนวน9,213 คัน คิดเป็น 3.5 % ยังไม่พบปัญหาในการเชื่อมต่อบัตร

ที่มา: โพสต์ทูเดย์
อ่านข่าวเกี่ยวกับอสังหาฯ ทั้งหมดเพิ่มเติมได้ที่ : ข่าวทั้งหมด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

เรื่องเด่นน่าสนใจ

เรื่องราวยอดนิยม