มหกรรมระบายสต็อกอสังหาฯ

สถานการณ์ที่โดดเด่นต้องยกให้ "มาตรการระบายสต็อกที่อยู่อาศัย" จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาฯโดยการลดค่าธรรมเนียมการโอนจาก 2% เหลือ 0.01% ค่าธรรมเนียมการจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% ระยะเวลา 6 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. 2558-28 เม.ย. 2559 ทำให้เกิดการโอนที่อยู่อาศัยมากที่สุดเป็นประวัติการณ์และมากกว่าทุกครั้งที่เคยใช้มาตรการดังกล่าวทำให้ครึ่งปีแรกจึงแทบไม่มีโครงการที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ ส่วนใหญ่เป็นการขายของเก่า ระบายสต็อกเก่า ผลจากมาตรการดังกล่าว ทำให้ 4 เดือนแรกของปี 2559 ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีจำนวนที่อยู่อาศัยโอนมากถึง 80,985 ยูนิต เพิ่มขึ้น 57 % เมื่อเทียบกับ ช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นการโอนกรรมสิทธิ์สูงสุดรอบ 18 ปี
โดยเฉพาะคอนโด มีจำนวนยูนิตโอน 44,826 เพิ่มขึ้น 147% ที่อยู่อาศัยแนวราบโอน จำนวน 36,159 ยูนิต เพิ่มขึ้น 8% ขณะที่ 3 ไตรมาสแรกปี 2559 มีจำนวนการโอนรวม 134,319 ยูนิต เพิ่มขึ้น 1% มีมูลค่า 327,421 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะการ โอนคอนโด สูงถึง 69,216 ยูนิต คิดเป็น 51% มีมูลค่าการโอน 135,989 ล้านบาท คิดเป็น 42% ของมูลค่าการโอนที่อยู่อาศัยทุกประเภทรวมกัน
รองลงมาเป็นทาวน์เฮ้าส์ จำนวน 38,435 ยูนิต คิดเป็น 29% มูลค่า 68,431 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว จำนวน 15,729 ยูนิต คิดเป็น12% แต่มีมูลค่าสูงเป็น อันดับสอง 83,394 ล้านบาท
"สาเหตุหนึ่งน่าจะมาจากการโหม ใช้สื่อออนไลน์และสิ่งพิมพ์ประชาสัมพันธ์ รวมถึงการทำตลาดของผู้ประกอบการ สร้างการรับรู้ของผู้บริโภคในวงกว้าง ทำให้ผู้ซื้อตื่นตัวมากกว่าทุกครั้งนำมาสู่มหกรรมระบายสต็อกที่อยู่อาศัยครั้งใหญ่"
อีกเหตุการณ์สร้างความฮือฮา คือ การซื้อขายที่ดินแปลงใหญ่ใจกลางเมือง เนื้อที่ 15 ไร่ โดย บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ บีดีเอ็มเอส เข้าซื้อสิ่งปลูกสร้างของสวิสโฮเต็ล ปาร์คนายเลิศ และอาคารสำนักงานพรอเมอนาด บน ถ.วิทยุ ด้วยมูลค่าสูงถึง 1.08 หมื่นล้านบาท ขึ้นแท่น ซื้อขายที่ดินครั้งประวัติศาสตร์ในปี 2559 และรอบหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ราคาที่ดินในบริเวณนี้มีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจอีกครั้ง
ซึ่งราคาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่ บีดีเอ็มเอสซื้อเฉลี่ยตร.ว.ละ 1.8 ล้านบาท ขณะที่ปี 2549 ทางกลุ่มเซ็นทรัลได้ที่ดินจากสถานทูตอังกฤษมาในราคา 9 แสนบาทต่อตร.ว. เพิ่ม 2 เท่า ในช่วง 10 ปี
แม้จะไม่ใช่ที่ดินที่มีราคาสูงสุด เพราะก่อนหน้านี้ในปี 2557 เอสซี แอสเสท ซื้อที่ดินขนาด 3 ไร่ บน ถ.ชิดลม ใน ราคาตร.ว.ละ 1.9 ล้านบาท แต่ก็ช่วยให้ราคาที่ดินทำเลนี้มีการซื้อขายกัน ในราคาสูงต่อเนื่องมาตลอด 5-6 ปีที่ผ่านมา โดยปี 2553 โนเบิล ดีเวลลอปเม้นท์ซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการโนเบิล เพลินจิต ในราคาตร.ว. ละ 1.5 ล้านบาท เช่นเดียวกับที่ แสนสิริ ซื้อที่ดินบน ถ.วิทยุ ก่อนนำมาพัฒนาเป็นโครงการ 98 ไวร์เลส ในราคา 1.5 ล้านบาทต่อตร.ว.เช่นกัน
ดังนั้น จึงเป็นที่น่าจับตามองที่ดินสถานทูตอังกฤษอีก 23 ไร่ ที่เหลือ แม้จะยังไม่จบ"ดีล" แต่สร้างสัสันและมี การกล่าวถึงกันมากในวงการอสังหาฯ คาดว่าราคาที่ดินแปลงนี้สร้างความฮือฮา และอาจทำราคาขายที่สูงกว่าราคาที่ดิน แปลง "ปาร์คนายเลิศ" ราคาตร.ว.ละ 1.8 ล้านบาทก็ได้ ที่จบดีลปีนี้ได้ราคาค่อนข้างสูง
อีกหนึ่งสถิติการพัฒนาคอนโด แพงที่สุด ของกลุ่มแสนสิริ โครงการ "ไนน์ตี้เอท ไวร์เลส" ที่สร้างสถิติราคาขายต่อตร.ม.สูงที่สุดในปี 2559 ตั้งอยู่บนถ.วิทยุ มูลค่าโครงการกว่า 8,700 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด "The Best Comes as Standard" รังสรรค์งานดีไซน์ระดับเวิลด์คลาส พร้อมบริการเอ็กซ์คลูซีฟแห่งเดียว ในประเทศไทยเป็นคอนโดสูง 25 ชั้น ที่จอดรถใต้ดิน 77 ยูนิตราคาขายเฉลี่ยในปัจจุบัน 5.7 แสนต่อตร.ม. สูงขึ้นจาก 5.5 แสนบาทต่อตร.ม.ที่เปิดขายเมื่อเดือนมี.ค. มีตั้งแต่ขนาด 2 ห้องนอน 3 ห้องนอน และ 3 ห้องนอนดูเพล็กซ์ จนถึงเพนท์เฮาส์ และซูเปอร์เพนท์เฮาส์ ราคาสูงที่สุดในไทย หนึ่งเดียวที่ถูก เรียกขานว่า "The One" บนชั้นสูงสุด ของโครงการสนนราคาเริ่มต้น 65 ล้านบาท สูงสุด 635 ล้านบาท
ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ
อ่านข่าวเกี่ยวกับอสังหาฯ ทั้งหมดเพิ่มเติมได้ที่ : ข่าวทั้งหมด