ตั้งนิคมอุตฯโลจิสติกส์ ชูฮับภาคใต้ตอนบนเชื่อมมะริด-บางสะพานสู่ EEC

สหวิริยาแตกไลน์ทุ่ม 2,500 ล้านบาทตั้ง "นิคมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ครบวงจร" บางสะพาน บนพื้นที่ 1,660 ไร่หลังท่าเรือน้ำลึกประจวบ ตั้งเป้าเป็น "ศูนย์กลางการโลจิสติกส์ภาคตะวันตก-ภาคใต้ตอนบน" เชื่อมการขนส่งทางรถ เรือ และรถไฟสู่ EEC พร้อมจีบพันธมิตรญี่ปุ่น-สแกนดิเนเวียนำเรือขนาดใหญ่บรรทุกรถสินค้าร่นระยะทางวิ่งผ่ากลางอ่าวไทยเชื่อมบางสะพาน-สัตหีบพร้อมเปิดแผนยุทธศาสตร์พัฒนาแลนด์บริดจ์มะริด ประเทศเมียนมา-ด่านสิงขร-บางสะพาน เชื่อมโยงธุรกิจฝั่งอันดามันสู่อ่าวไทย
นายสุรเดช มุขยางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสวีแอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในฐานะผู้บริหารเอสวีแอล กรุ๊ป (SVL Group) กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจรในเครือสหวิริยา เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้ทางเอสวีแอล กรุ๊ปมีแผนจะตั้งนิคมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์บางสะพานครบวงจร ซึ่งถือเป็นธุรกิจใหม่ของกลุ่ม บนเนื้อที่ 1,660 ไร่ บริเวณพื้นที่หลังท่าเรือน้ำลึกประจวบ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ด้วยเงินลงทุนประมาณ 2,500 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์ต้องการเป็นศูนย์กลางการโลจิสติกส์สำหรับภาคตะวันตก และภาคใต้ตอนบน เชื่อมโยงการขนส่งทางรถ เรือ และรถไฟจากภาคใต้ ภาคตะวันตก เชื่อมโยงสู่เขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) หรือ Bridge to EEC Today ขณะเดียวกัน มีแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาแลนด์บริดจ์มะริด ประเทศเมียนมา-ด่านสิงขร-บางสะพาน (Myeik Economic Land Bridge) ผ่านถนนสายหลัก ระยะทาง 180 กม. จะก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์ปลายปี 2561 จะสามารถเชื่อมโยงธุรกิจฝั่งอันดามันมาสู่อ่าวไทย และเชื่อมต่อไปสู่ EEC
ทั้งนี้ ตามแผนการทำงานในส่วนของนิคมโลจิสติกส์ตอนนี้อยู่ระหว่างการทำประเมินผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) และการเปิดรับฟังความคิดเห็นของคนในชุมชน หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนภายในพื้นที่นิคมจะมีการพัฒนาที่ดินเพื่อดำเนินธุรกิจขนส่งครบวงจรทั้งทางรถ เรือ รถไฟ การก่อสร้างคลังสินค้า ทำสถานีบรรจุและแยกสินค้าประเภทตู้คอนเทนเนอร์ (ICD) คล้ายที่ไอซีดีที่ลาดกระบัง ทำศูนย์กระจายสินค้ารวมถึงธุรกิจอู่ต่อเรือ ธุรกิจบริการวิศวกรรมได้ภายในกลางปี 2561 ทั้งนี้ ปัจจุบันมีผู้ประกอบการหลายรายเข้ามาติดต่อที่จะตั้งธุรกิจภายในนิคม เช่น มีธุรกิจอู่ต่อเรือ ธุรกิจประกอบชิ้นส่วนแท่นขุดเจาะน้ำมัน ธุรกิจขนส่งอาหาร และอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้กับผู้ทำงานที่แท่นขุดเจาะกลางทะเล ลานสินค้าเทกองสินค้าเกษตร, หิน, ทราย, ไม้สับ เป็นต้น
สำหรับแผนงานที่จะนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางการโลจิสติกส์สำหรับภาคตะวันตก และภาคใต้ตอนบน เชื่อมโยงสู่ EEC นั้น จากการศึกษาข้อมูลตลอดหลายปีที่ผ่านมา พบว่ามีรถบรรทุกจากภาคใต้ปริมาณไม่ต่ำกว่า 50,000 คันต่อปีวิ่งขึ้นไปยังภาคตะวันออกเพื่อป้อนวัตถุดิบให้โรงงานต่าง ๆ รวมถึงการส่งออกสินค้าผ่านทางท่าเรือแหลมฉบังต่อปีจำนวนมาก บริษัทจึงศึกษาศักยภาพของบริเวณที่ตั้งท่าเรือน้ำลึกบางสะพาน ซึ่งสามารถรองรับเรือขนถ่ายสินค้าที่มีระวางขับน้ำสูงสุดถึง 100,000 DWT มีขนาดร่องน้ำลึกมาก 14 เมตร แล้วเห็นว่าจะช่วยสนับสนุนแผนการพัฒนาประเทศในภาพรวมที่ต้องการผลักดันเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(EEC) และช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางได้ ด้วยการเข้าไปหารือกับกระทรวงอุตสาหกรรม และกรมเจ้าท่าในการจัดเส้นทางเดินเรือวิ่งตรงจากท่าเรือประจวบไปท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ ระยะทาง 116 ไมล์ทะเล เหมือนกับเส้นทางเดินเรือของนักท่องเที่ยวจากหัวหินไปพัทยาที่ทำในปัจจุบัน แต่เปลี่ยนมาเป็นการเดินเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ สามารถขนรถบรรทุกสินค้าหลายลำวิ่งลงเรือได้ เมื่อไปถึงภาคตะวันออกรถบรรทุกวิ่งขึ้นไปส่งมอบสินค้ายังปลายทางได้ทันทีไม่ต้องเสียเวลาขนขึ้น-ลงอีกรอบ
ทั้งนี้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างดึงพันธมิตรจากญี่ปุ่นและกลุ่มสแกนดิเนเวียที่มีความเชี่ยวชาญในการเดินเรือขนาดใหญ่เข้ามาศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการ
"เรากำลังพูดคุยกับหลายบริษัทที่จะมาทำเรือขนาดใหญ่ เพราะการวิ่งกลางทะเลลึก อ่าวไทยคลื่นลมแรงมาก ต้องอาศัยผู้ที่มีความชำนาญไม่เหมือนเรือลำเลียงที่วิ่งไปแหลมฉบังทุกวันนี้วิ่งเลาะชายฝั่งไป ถ้าทำได้ตรงนี้จะทำให้ประหยัดระยะเวลาขนส่ง ต้นทุนการขนส่งลงไปได้ดีขึ้นมาก อย่างทุกวันนี้กลุ่มสหวิริยาขนส่งเหล็กจากบางสะพานไปอีอีซีปีละประมาณ 3 แสนตัน เรามีรถบรรทุก 30 คันต่อวันวิ่งออกจากโรงงาน ไม่นับที่วิ่งไปภาคอื่นอีก ระยะทางจากบางสะพานไปภาคตะวันออก 530-600 กม. ใช้เวลา 8-10 ชม.รถติดเยอะแยะ เกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ หากเราสามารถตัดเส้นทางข้ามจากประจวบฯไปอู่ตะเภา จ.ชลบุรี ระยะทาง 116 ไมล์ทะล เชื่อมต่อลงไปภาคตะวันออกได้ ประหยัดเวลากว่าการวิ่งรถอ้อม การวิ่งทางเรือใช้เวลาอย่างเร็ว 3 ชั่วโมง อย่างช้าสุด 6 ชั่วโมง ฟังดูไม่มาก แต่ลดปัญหาการจราจรไปส่วนหนึ่ง รถบรรทุกจำนวนมากหายไป แต่การจะเกิดธุรกิจนี้ได้ไม่ใช่มีท่าเรืออย่างเดียว ต้องมีพื้นที่หลังท่าเพื่อกระจายสินค้า เพราะสินค้าที่ขนมาเสร็จต้องใช้พื้นที่ เราจึงจะทำนิคมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์บางสะพาน เน้นเป็นนิคมเพื่อทำตรงนี้ให้กลายเป็นโลจิสติกส์ฮับที่สำคัญของภาคใต้ เพื่อให้ไปสอดคล้องกับ
นโยบายของรัฐที่ต้องการโปรโมต EEC รัฐบาลมีนโยบายทุ่มเงินถึง 1.5 ล้านล้านบาท เพื่อสร้างระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานรองรับ เพื่อพัฒนาเพียง 3 จังหวัด ความเจริญไม่ได้กระจาย แต่การเชื่อมต่อตรงนี้ได้หมายถึงการทำให้ภาคใต้เชื่อมต่อและกระจายผลผลิตกันได้ สะพานข้ามไปสู่ EEC ไปขึ้นที่ท่าเรือพาณิชย์สัตหีบของกองทัพเรือ ท่าเรือมาบตาพุด ท่าเรือแหลมฉบังได้"
ที่มา: ประชาชาติธุรกิจ
อ่านข่าวเกี่ยวกับอสังหาฯ ทั้งหมดเพิ่มเติมได้ที่ : ข่าวสารและความเคลื่อนไหว