เทรนด์การอยู่อาศัยปี 2020 เราจะใช้ชีวิตเปลี่ยนไปแค่ไหน
บทความประจำคอลัมน์ Insight ที่ Forbes Thailand
โดย คุณสุวรรณี มหณรงค์ชัย รองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนากลยุทธ์และบริหารสินทรัพย์
เมื่อเข้าใกล้ช่วงแห่งการเปลี่ยนศักราชใหม่ ผู้คนทั่วโลกต่างให้ความสนใจถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีหน้า เริ่มเกิดคำถามว่าการใช้ชีวิตของเราจะเปลี่ยนแปลงแค่ไหนในอนาคตอันใกล้นี้ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีได้พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด เกิด Digital Disruption ที่ส่งผลให้การใช้ชีวิตของผู้คนในแต่ละวันแตกต่างไปจากวันเก่าๆ อย่างรวดเร็ว
ซึ่งไม่ว่าโลกจะมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน แต่ “ที่อยู่อาศัย” ก็ยังคงเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญของคนทุกคน เราจะเห็นว่าพฤติกรรมการอยู่อาศัยและการใช้ชีวิตของคนก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน มีกระแสใหม่ๆ เกิดขึ้น หยุดไป หรือวนกลับมาเป็นกระแสใหม่ได้อีกหลายๆ ครั้ง
โดยเฉพาะปัจจุบันที่โลกของเรามีความเปลี่ยนแปลงในหลายมิติ ทั้งเรื่องของแนวโน้มอัตราการเกิดของประชากรโลก ที่มีการเกิดน้อยลง คนอายุยืนขึ้น จนทำให้หลายประเทศกำลังไปสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งประเทศไทยของเราเองก็ประสบกับการเปลี่ยนแปลงนี้เช่นกัน และคาดการณ์ว่าจะเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ในปี 2564 ถือเป็นประเทศที่ 2 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์
อีกทั้งยังมีเรื่องความหลากหลายของประชากรโลก เรากำลังเข้าสู่ยุคที่มีประชากรหลาย Generation อยู่ร่วมกัน ซึ่งคนแต่ละรุ่นก็มีลักษณะ พฤติกรรม และความต้องการที่แตกต่างกัน ตลอดจนเรื่องของการเปลี่ยนแปลงทางภาวะและสิ่งแวดล้อมของโลก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนมีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตทั้งในปัจจุบันและส่งผลต่ออนาคตเช่นกัน แน่นอนว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นต่างก็เป็นตัวกำหนดเทรนด์การใช้ชีวิตที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า
จากสังคมโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของผู้คนในแต่ละวัย รวมถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิต พลัส พร็อพเพอร์ตี้ มองว่าเทรนด์การอยู่อาศัยในปี 2020 ประกอบไปด้วย 4 ด้าน ดังนี้
1. Interlock Living การใช้ชีวิตร่วมกันของกลุ่มคนที่มีความหลากหลาย ดังนั้นโครงการที่อยู่อาศัยจะมีการออกแบบโครงการและพื้นที่ส่วนกลางให้รองรับการใช้ชีวิตของคนทุกช่วงวัย ทั้งเรื่องการทำงานและการใช้ชีวิต อย่าง Universal Design ภายในโครงการ
เช่น การทำราวจับและพื้นลาดเพื่อเป็นทางรถเข็นสำหรับผู้สูงอายุ การมีสนามเด็กเล่นและ Kids Room สำหรับเด็กเล็ก การมีห้องนั่งเล่นบริเวณพื้นที่ส่วนกลางสำหรับวัยหนุ่มสาว รวมถึงการมี Co-working Space สำหรับวัยทำงานหรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือแม้กระทั่งการมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบสนองตามไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ เช่น มีโซนทำเวิร์คช็อปงานอาร์ตสำหรับผู้ที่ชอบด้านศิลปะ มีห้องครัวส่วนกลาง (Co-kitchen) สำหรับผู้ที่ชอบทำอาหาร
ซึ่งหัวใจสำคัญนั้นคือการออกแบบภายใต้แนวคิดของการอยู่ร่วมกันเพื่อให้เกิดพื้นที่ที่ทั้งครอบครัวสามารถใช้เวลาร่วมกันได้ ดังนั้นพื้นที่ส่วนกลางจึงถูกให้ความสำคัญมากขึ้น เพื่อใช้เป็นพื้นที่รองรับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่หลากหลาย ตลอดจนการจัดกิจกรรมในโครงการเพื่อให้เพื่อนบ้านได้มีโอกาสพบปะและทำความรู้จัก ได้ใช้เวลาร่วมกัน เติมเต็มประสบการณ์ด้านการอยู่อาศัยได้อย่างตอบโจทย์ทุกความต้องการ
ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างแสนสิริและพลัส พร็อพเพอร์ตี้ เป็นการนำเทคโนโลยี IoT เชื่อมต่อระหว่างศูนย์ควบคุมจากส่วนกลาง เข้ากับระบบรักษาความปลอดภัยและควบคุมอาคารในบริเวณโครงการ ทำให้สามารถสังเกตการณ์และดูแลความปลอดภัย ตลอดจนควบคุมระบบวิศวกรรมอาคารจากหลายๆ โครงการพร้อมกันได้ตลอด 24 ชั่วโมง
รวมถึงการลดใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น เช่น พัฒนาโครงการที่มีรถพลังงานไฟฟ้าสำหรับให้เช่าในโครงการ เกิดการใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงสภาวะของโลกอย่างเรื่องฝุ่นละออง PM2.5 ภาวะโลกร้อน ก็มีผลต่อการออกแบบที่อยู่อาศัยและการบริหารจัดการที่ช่วยทำให้สภาพแวดล้อมและบรรยากาศในโครงการปลอดภัยจากมลภาวะตรงนี้
โครงการ Backyard สวนผักปลอดสารพิษ
ผักปลอดสารจากโครงการที่เราดูแล
4. Well-being เป็นเทรนด์ที่กำลังอยู่ในความสนใจของผู้คนทุกเพศทุกวัย ซึ่งการมีสุขภาพดี กลายเป็นเครื่องหมายระบุสถานะของคนในยุคปัจจุบัน ทั้งนี้ ธุรกิจ ที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมสุขภาพที่ดีหรือ Well-being เติบโตอย่างรวดเร็วในทุกปีและยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเทรนด์นี้น่าจะมีอิทธิพลต่อการเลือกที่อยู่อาศัยของผู้คนในอนาคต โครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ จึงเริ่มเน้นพื้นที่ออกกำลังกาย เลนปั่นจักรยาน ลู่วิ่งกลางแจ้งรอบตัวอาคาร
นอกจากนี้ ยังมีผลการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคที่น่าสนใจ จากงานวิจัยของศูนย์วิจัยบารามีซี่ แล็บ เรื่อง Xperience Design Future Trend 2019-2020 ได้นำเสนอเรื่องการผลิตได้ด้วยตนเอง (Self-Energerate) อย่างการปลูกผักเพื่อบริโภคด้วยตัวเอง
อย่างเช่น โครงการ Backyard สวนผักปลอดสารพิษของ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ที่ทีมพนักงานดูแลบริหารจัดการอาคาร ร่วมกันปลูกผักและมอบผลผลิตที่ได้ให้ลูกบ้านนำไปประกอบอาหารทานกันในครอบครัว โดยแปลงผักในแต่ละโครงการไม่ได้ใหญ่มาก เป็นพืชผักที่ใช้เวลาปลูกไม่นาน ให้ผลผลิตสม่ำเสมอ และยังเป็นพืชผักที่ทานง่าย ปลอดสารพิษ ลูกบ้านสามารถนำไปประกอบอาหารประจำวันได้
ดังนั้นการออกแบบที่อยู่อาศัยให้มีพื้นที่เปิดโล่ง สามารถรับแสงและธรรมชาติ รวมถึงมีพื้นที่สำหรับปลูกผัก ล้วนเป็นเทรนด์เกี่ยวกับธรรมชาติที่จะช่วยส่งต่อพฤติกรรมและสุขภาพที่ดีของผู้อยู่อาศัย ซึ่งถือว่าเป็นเทรนด์ที่ได้รับความสนใจจากผู้อยู่อาศัยยุคใหม่อย่างน่าจับตา
เทรนด์ต่างๆ เหล่านี้ จะถูกนำมาสร้างสรรค์ต่อยอดในการพัฒนาที่อยู่อาศัยและออกแบบการบริการด้าน Living Management ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคในอนาคตได้อย่างไร และเราในฐานะผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์อะไรบ้าง ต้องติดตามและรอดูกันต่อไป
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ตัวแทนด้านอสังหาริมทรัพย์ รับฝากขายปล่อยเช่า และการซื้อขายคอนโดมือสอง ครบทุกขั้นตอน พร้อมบริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย ด้วยทีมงานระดับคุณภาพ หากสนใจอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมของโครงการคอนโดสามารถโทรติดต่อขอคำปรึกษาได้ที่ 02 688 7555 หรือ คลิกที่นี่ เพื่อค้นหายูนิตฝากขายฝากเช่าได้เลยครับ

ติดต่อทีมงาน PLUS Living Management
เรื่องเด่นน่าสนใจ
เรื่องราวยอดนิยม
Free E-book
.jpg?frontend_host=https%3A%2F%2Fdigitalplatform.sansiri.com)
5 เทคนิคหาเช่าคอนโดให้สบายใจก่อนแพ็คกระเป๋าเข้าอยู่
ปัจจุบันการหาที่พักอาศัยในเมืองสำหรับคนที่ต้องการความสะดวกสบายในเรื่องการเดินทางการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยประเภท คอนโดมิเนียม กำลังเป็นที่นิยมกันมาก แต่สำหรับคนที่ยังตัดสินใจซื้อไม่ได้ ย้ายที่ทำงานบ่อย หรือมีงบประมาณที่จำกัดในการเลือกที่อยู่อาศัย คู่มือการหาเช่าคอนโดเล่มนี้จากพลัส พร็อพเพอร์ตี้ เปรียบเสมือนเป็นไกด์นำทาง และจะมาบอกเทคนิคดีๆ ไว้ให้คุณหาเช่าคอนโดให้สบายใจตอบโจทย์ทุกความต้องการ