5 เรื่องต้องรู้ เตรียมพร้อมรับมือ น้ำประปาเค็ม

16 ม.ค. 2020 เคล็ดลับการอยู่อาศัย


ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานอกจากเรื่องค่าฝุ่น PM 2.5 ที่กำลังเป็นเรื่องน่ากังวลของชาวกรุงแล้ว ยังมีอีกเรื่องคือคุณภาพของน้ำประปาของชาวกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา* หรือบางคนก็อาจจะยังไม่ทราบเรื่องนี้ ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร แล้วเราต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

Plus Property ได้สรุปรวบรวมข้อมูลสำคัญของปัญหาน้ำประปาเค็ม และการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะน้ำประปาเป็นส่วนหนึ่งที่เราต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะนำมา ทำอาหาร ดื่ม หรืออาบ แต่เมื่อตอนนี้กำลังเกิดวิกฤตน้ำประปาเค็ม พลัสฯ จึงอยากให้ทุกคนเข้าใจถึงปัญหา และรับมือกันได้ครับ

ปัญหาของน้ำประปาเค็ม เกิดจากอะไร? 

เนื่องจากเกิดจากภัยแล้งที่รุนแรง และอยู่ในช่วงน้ำทะเลหนุนสูง น้ำในเขื่อนมีปริมาณไม่เพียงพอมาผลักดันน้ำเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา ประกอบกับสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงอย่างต่อเนื่อง จึงมีความเค็มผ่านเข้ามาในระบบผลิตน้ำประปา การประปานครหลวงไม่สามารถกำจัดความเค็มอกจากน้ำดิบได้ จึงส่งผลให้รสชาติของน้ำประปาในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา* เปลี่ยนไป สามารถรับรู้ถึงรสชาติกร่อยเล็กน้อยในบางช่วงเวลา

ตามปกติแล้วในน้ำประปาควรมีโซเดียมไม่เกิน 200 มิลลิกรัมต่อลิตร และคลอไรด์ไม่เกิน 250 มิลลิกรัมต่อลิตร แต่ถ้าเจือปนในน้ำมากเกินไปจะทำให้น้ำมีรสกร่อยถึงเค็มได้ ซึ่งทางโภชนาการและการแพทย์แนะนำว่า มนุษย์ควรรับโซเดียมเข้าสู่ร่างกายไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน 

ซึ่งในสถานการณ์น้ำประปาเค็มนี้ระดับโซเดียมหรือเกลือพุ่งขึ้นไปถึง 400 – 800 มิลลิกรัมต่อลิตร ในขณะที่ค่าปกติของน้ำประปาจะมีโซเดียมประมาณ 100-150 มิลลิกรัมต่อลิตรเท่านั้น ทำให้ระดับโซเดียมในน้ำเพื่อการบริโภคมีปริมาณสูงกว่าคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่มีผลต่อความน่าดื่มและการยอมรับ

วิธีเตรียมรับมือแก้ปัญหา น้ำประปาเค็ม มี 5 ขั้นตอน ดังนี้

  1. ผู้ที่มีสุขภาพปกติสามารถบริโภคน้ำประปาได้ โดยยังไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ แต่ด้วยรสชาติที่เปลี่ยนไปอาจส่งผลต่อความน่าดื่ม ทั้งนี้ ความเค็มในรูปของโซเดียมในน้ำประปา ถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับปริมาณโซเดียมในอาหารทั่วไปที่บริโภคในชีวิตประจำวัน
  2. การใช้น้ำประปาเพื่อปรุงอาหารในช่วงเวลานี้ ควรลดการเติมเครื่องปรุงรสให้น้อยลง เช่น เกลือ น้ำปลา ซีอิ้ว ซอสปรุงรส ผงปรุงรส งดการบริโภคอาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น ขนมกรุบกรอบ มันฝรั่งทอด หรือเปลี่ยนเป็นใช้น้ำดื่มบรรจุขวด ปิดสนิทแทนจะดีกว่า
  3. กลุ่มเสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคน้ำประปาโดยตรง ได้แก่ ผู้ที่เป็นโรคไต โรคหัวใจ โรคความดันสูง โรคเบาหวาน โรคทางสมอง ผู้สูงอายุ และ เด็กเล็ก
  4. ให้ระวังน้องหมา น้องแมวแก่ หรือมีน้องๆ ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคไต โรคหัวใจ กินน้ำประปาเค็ม ควรให้น้ำกินจากขวดหรือน้ำกรอง
  5. แพทย์แนะนำทางเลือกสำหรับการหลีกเลี่ยงน้ำประปาเค็ม คือ ผลไม้ที่ฉ่ำน้ำ และอาหารดื่มได้ ผักผลไม้ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ และมีประโยชน์มากต่อร่างกาย ได้แก่ แตงกวา , บล็อคโคลี่ , มะเขือเทศ , แตงโม , โยเกิร์ต , เบอร์รี่ , ส้ม นอกจากได้รับน้ำทดแทนแล้ว ยังช่วยบำรุงผิวชะลอวัย หรือบริโภคอาหารประเภทซุปและน้ำต้มกระดูก (ที่ไม่ปรุงรสเพิ่ม) ก็สามารถทดแทนการบริโภคน้ำได้

และเนื่องจากคุณภาพน้ำประปาที่เปลี่ยนแปลงไปนี้ เนื่องจากมาจากภัยแล้งที่รุนแรง และอยู่ในช่วงน้ำทะเลหนุนสูง มักจะเกิดในช่วงประมาณ มกราคม-พฤษภาคม ของทุกปี  Plus Property จึงอยากขอความร่วมมือทุกท่านให้ช่วยกันประหยัดน้ำในช่วงนี้ด้วย โดยสามารถกักเก็บน้ำไว้ในปริมาณที่เหมาะสม และหมั่นตรวจสอบการรั่วไหลของน้ำ ท่อน้ำต่างๆ ภายในบริเวณบ้าน และห้องชุด เพื่อนำไว้ใช้ในสภาวะภัยแล้งนี้ครับ


ที่มา :

bangkokbiznews.com
mthai.com
tnnthailand.com
matichon.co.th

หาคอนโดที่คุณต้องการได้ที่นี่: คอนโดพร้อมอยู่คอนโดกรุงเทพคอนโดให้เช่าคอนโดมือสองคอนโดใกล้รถไฟฟ้าคอนโดสุขุมวิท   

บทความที่เกี่ยวข้อง:

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร รับบริหารจัดการโครงการที่พักอาศัยและเพื่อการพาณิชย์ ด้วยทีมงานระดับคุณภาพกับประสบการณ์ที่มากกว่า 20 ปี เติมเต็มทุกความต้องการอย่างแท้จริง

สนใจติดต่อเพื่อรับข้อมูลด้านบริหารโครงการได้ที่  02 688 7555 หรือ คลิกที่นี่ เพื่อศึกษาข้อมูลการบริการของเราเพิ่มเติมครับ 

ติดต่อทีมงาน PLUS Living Management

เรื่องเด่นน่าสนใจ

เรื่องราวยอดนิยม

โครงการแนะนำ

Free E-book

undefined undefined undefined

undefined undefined undefined