ก้าวข้ามขีดจำกัดงานดูแลความปลอดภัยในโครงการที่พักอาศัย ด้วย AI และ IoT

30 ต.ค. 2020 พลัสทอล์ก


บทความประจำคอลัมน์ Property Digest โดย พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ที่ Post Today Online

โดย คุณอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด

บทความที่แล้วผมได้นำเสนอเรื่องราวของ 5G ที่จะเข้ามายกระดับบ้านของเราให้กลายเป็น Smart Home ได้แบบจัดเต็ม บทความนี้เรามาพูดคุยกันต่อถึงการนำ 5G มาใช้กับภาพใหญ่ของการอยู่อาศัยที่มากกว่าในตัวบ้าน แต่ครอบคลุมตลอดทั้งโครงการ โดยเฉพาะพื้นที่ส่วนกลางที่ต้องคอยจับตาดูตลอด 24 ชั่วโมง 

ซึ่งแต่ละโครงการแม้มีบุคลากรที่ทำหน้าที่ดูแลด้านความปลอดภัยอยู่แล้ว แต่ด้วยศักยภาพของมนุษย์ก็อาจมีข้อจำกัดบางประการที่อาจไม่สามารถดูแลได้ทุกจุดทุกเวลาพร้อมกันตลอด 24 ชั่วโมง แต่ด้วยการพัฒนาของเทคโนโลยี 5G และการเกิดอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่งหรือ Internet of Things (IoT) ที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลและระบบต่างๆ บนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ผ่านเครือข่ายการใช้งานอินเทอร์เน็ต 

IoT คือ สัญญาณเครือข่ายที่เชื่อมต่อสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกัน ด้วยเซ็นเซอร์ โปรแกรม หรือเทคโนโลยีอื่นๆ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้สิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ ระบบ ที่เชื่อมหากันติดต่อ แลกเปลี่ยน ถ่ายโอนข้อมูลกันได้ผ่านสัญญาณอินเทอร์เนต

รวมถึงบางอุปกรณ์สามารถทำงานควบคู่ปัญญาประดิษฐ์ Artificial Intelligence (AI) ที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้เรื่องการดูแลในโครงการที่อยู่อาศัยกลายเป็นเรื่องที่สามารถยกระดับและทำได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 

สำหรับเรื่องการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการยกระดับการดูแลโครงการที่อยู่อาศัยนี้ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้ทดลองนำมาใช้กับหลายๆ โครงการเป็นการนำร่อง และพบว่าการทำงานของเทคโนโลยีเหล่านี้มีประสิทธิภาพก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์ไปอย่างน่าทึ่ง 

ยกตัวอย่าง LIV–24 นวัตกรรมเทคโนโลยีด้านการดูแลความปลอดภัยและจัดการระบบวิศวกรรมอาคารเต็มรูปแบบ เรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง แห่งแรกของวงการอสังหาฯ ไทย ที่พลัสฯ และแสนสิริ ได้นำมาใช้นั้น สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในหลายด้าน โดยเฉพาะมิติของความปลอดภัยแบบ 360 องศา  

เช่น การนำ AI มาใช้ร่วมกับกล้อง CCTV และทำการเชื่อมต่อระบบกล้อง CCTV ไปยังห้องควบคุมส่วนกลางด้วย IoT การทำงานของกล้อง CCTV ที่ผสมผสานเทคโนโลยีทั้ง AI และ IoT นั้น สามารถยกระดับระบบรักษาความปลอดภัยให้กลายเป็นระบบอัจฉริยะได้อย่างน่าสนใจ เพราะตัวกล้องไม่เพียงจับภาพเท่านั้น แต่ยังสามารถวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของภาพที่กล้องจับไว้ด้วย AI 

และหากพบว่าภาพเหล่านั้นมีความเสี่ยงที่จะเป็นเหตุการณ์ผิดปกติ เช่น สามารถมอนิเตอร์จับภาพกลุ่มควันทั้งในและนอกโครงการ เช่นกลุ่มควันจากไฟไหม้ทุ่งหญ้าภายนอกที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับรั้วโครงการ หรือมีคนขึ้นไปยังดาดฟ้าและยืนอยู่ในบริเวณจุดเสี่ยงที่จะเกิดอันตราย ระบบ AI และ IoT จะทำงานร่วมกันและส่งสัญญาณไปให้ผู้ที่คอยมอนิเตอร์ที่ศูนย์ควบคุมในส่วนกลาง สามารถประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่หน้างาน และตัดสินใจระงับเหตุไม่คาดคิดได้อย่างทันท่วงที 

หรือแม้แต่เทคโนโลยีอื่น เช่น Digital Fence ที่ติดตั้งบริเวณแนวรั้วโครงการ ที่มีระบบตรวจจับการบุกรุกในแนวรั้วและสามารถเชื่อมต่อกับระบบของ LIV-24 เพื่อให้อยู่ในการดูแลของศูนย์ควบคุมจากส่วนกลางได้ตลอด 24 ชั่วโมงเช่นกัน 

ซึ่งข้อดีของเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยนี้ทำให้งานบริการก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์ไปได้ไกลกว่าที่คิด เช่นในบางครั้งมนุษย์ไม่สามารถมองเห็นเหตุการณ์ในจุดบอด หรือการเกิดควันไฟในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งเรื่องนี้เคยมีเคสเกิดขึ้นจริงแล้ว และระบบก็ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพทำให้สามารถระงับควบคุมเหตุได้ด้วยดี

LIV-24 ยังถูกนำมาใช้กับการดูแลระบบวิศวกรรมอาคารภายใน ที่คนไม่สามารถเข้าถึงตรวจสอบได้ เช่น แรงสั่นสะเทือน ที่มนุษย์เรายังมีขีดจำกัดมีความสามารถในการรับรู้แรงสั่นสะเทือนในระดับต่ำๆ ไม่ได้ แต่ระบบตรวจจับที่มี Censor มี AI และ IoT สามารถเข้ามาช่วยการทำงานของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์เครื่องจักรมีปัญหา มีการสั่นสะเทือน ระบบก็จะตรวจจับได้และแจ้งเตือนได้อย่างแม่นยำ 

ซึ่งระบบเหล่านี้แม้เป็นเรื่องเบื้องหลังที่ผู้อยู่อาศัยอาจไม่มีโอกาสได้สัมผัสใกล้ชิด แต่หากเกิดความผิดปกติที่ทำให้ระบบเครื่องจักรเหล่านี้ชำรุด ก็จะส่งผลกระทบด้านการใช้ชีวิตที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยเดือดร้อนได้ เช่น ระบบไฟมีปัญหา น้ำไม่ไหล เป็นต้น การมีเทคโนโลยีมาช่วยเสริมประสิทธิภาพด้านงานดูแลโครงการจึงช่วยสร้างความอุ่นใจให้กับผู้อยู่อาศัยได้ตลอด 24 ชั่วโมง 


การเปิดรับเอาข้อดีของเทคโนโลยีมาปรับใช้ในธุรกิจย่อมทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่ช่วยยกระดับมาตรฐาน ขยายขีดความสามารถของมนุษย์ให้สามารถดูแลได้อย่างไร้ข้อจำกัด 

ยิ่งในยุคปัจจุบันที่ภาคธุรกิจมีการแข่งขันสูง หากผู้ประกอบการสามารถสร้างจุดขายที่แตกต่าง โดยเฉพาะการมอบความอุ่นใจ ดูแลลูกค้าตลอดทุกช่วงเวลาของการอยู่อาศัย ตลอด 24 ชั่วโมง ก็จะทำให้สามารถก้าวสู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจบริการได้ไม่ยากครับ

บทความที่เกี่ยวข้อง

𝐋𝐈𝐕-𝟐𝟒 บริการเทคโนโลยี ระบบสังเกตการณ์อัจฉริยะ เป็นเทคโนโลยีหนึ่งเดียวในไทยที่มีศูนย์ควบคุมฯ บริการครบวงจร ทำงานแบบไร้รอยต่อ เมื่อเกิดเหตุ ระบบจะประสานผู้เชี่ยวชาญเข้าระงับเหตุและแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว สนใจรายละเอียดการติดตั้ง LIV-24 ในโครงการของคุณ  02 688 7555 หรือ plus.co.th/liv24


ติดต่อทีมงานเพื่อรับข้อมูล LIV-24

เรื่องเด่นน่าสนใจ

เรื่องราวยอดนิยม

โครงการแนะนำ

Free E-book

undefined undefined undefined

undefined undefined undefined