คอนโด
บ้านเดี่ยว
อพาร์ทเม้นท์
ทาวน์โฮม
ที่ดิน
โรงแรม
ออฟฟิศ
โรงงาน

ข่าวสารและบทความ

ที่นี่คุณสามารถรับรู้ข่าวสารและบทวิเคราะห์ใหม่ล่าสุดเกี่ยวกับวงการอสังหาริมทรัพย์

วิเคราะห์และเจาะลึกโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สูงด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย

บทความยอดนิยม

บทความล่าสุด

Filter Articles TH

เทคนิคแต่งคอนโด 2 ห้องนอน ให้สวยน่าอยู่เหมือนบ้าน

โดยทั่วไปคอนโดมีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด เมื่อเทียบกับบ้านหลังใหญ่ที่มีพื้นที่มากกว่า แต่การตกแต่งที่เหมาะสมสามารถช่วยให้คอนโดดูกว้างขึ้น ตอบโจทย์การใช้งาน และให้ความรู้สึกอบอุ่นได้ไม่ต่างจากบ้าน ในบทความนี้ พลัสฯ จะพามาเปิดเทคนิคแต่งคอนโด 2 ห้องนอน ให้สวยน่าอยู่เหมือนบ้าน เทคนิคแต่งคอนโด 2 ห้องนอน การตกแต่งคอนโด 2 ห้องนอน ให้สวยน่าอยู่สามารถทำได้ไม่ยาก เพียงทำตาม 5 เทคนิค ได้แก่ 1. แบ่งสัดส่วนห้องอย่างชัดเจน โดยปกติคอนโด 2 ห้องนอน มักมีการสร้างกำแพง และติดตั้งประตู เพื่อแบ่งห้องนอนออกเป็น 2 ห้องอยู่แล้ว แต่บางโครงการอาจไม่ได้มีการแบ่งพื้นที่หรือกั้นห้องครัว ห้องนั่งเล่น และห้องรับประทานอาหารมาให้ด้วย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พื้นที่โดยรวมดูคับแคบ ไม่เป็นระเบียบ และไม่ตอบโจทย์การใช้งาน อย่างไรก็ตาม โครงการส่วนใหญ่ไม่อนุญาตให้มีการสร้างกำแพงขึ้นมาใหม่ เพื่อแบ่งพื้นที่ใช้งานภายในยูนิตห้อง เพราะอาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างอาคารโดยรวม แต่ผู้อยู่อาศัยสามารถแบ่งพื้นที่การใช้งานได้ด้วยเทคนิค ดังนี้ ใช้ชั้นวางของ/หนังสือที่มีความสูงเหนือศีรษะเป็นตัวแบ่งพื้นที่การใช้งาน ติดตั้งบานกระจกแบบเลื่อนได้ ติดตั้งผ้าม่านที่มีความยาวตั้งแต่เพดานจรดพื้น 2. เลือกผนังหรือวอลล์เปเปอร์สีอ่อน การทาสีภายในหรือติดตั้งวอลล์เปเปอร์สีอ่อนสามารถช่วยให้ห้องดูกว้าง และโล่งโปร่งมากยิ่งขึ้น เช่น สีขาว สีเบจ สีครีม และสีเทาอ่อน แต่หากต้องการให้ภายในยูนิตห้องมีบรรยากาศอบอุ่นร่วมด้วย แนะนำให้เลือกใช้สีอ่อนโทนอุ่น เช่น สีเหลืองพาสเทล สีเบจ และสีครีม 3. เน้นใช้เฟอร์นิเจอร์ Multi-function เฟอร์นิเจอร์ Multi-function จะช่วยประหยัดพื้นที่ และทำให้ห้องดูเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น เช่น เตียงนอนเก็บของได้ ชั้นวางทีวีแบบมีลิ้นชัก ตู้เสื้อผ้าพร้อมกระจก และอื่นๆ โดยแนะนำให้เลือกสีเฟอร์นิเจอร์ที่เข้ากับสีผนัง เช่น หากต้องการคุมโทนห้องสีขาว แนะนำให้เลือกเฟอร์นิเจอร์สีขาวคู่กับผนังสีขาว ต้องการให้ห้องดูอบอุ่นอาจเลือกเฟอร์นิเจอร์สีน้ำตาลอ่อน สีครีม และใช้ผนังเป็นสีเบจ 4. เลือกใช้ผ้าม่านและพรมสีอ่อน ผ้าม่าน และพรมสีอ่อนช่วยพรางตาให้ห้องดูโล่งโปร่งมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผ้าม่านแบบบาง เพราะอาจป้องกันความร้อนจากภายนอกได้ไม่ดีนัก โดยเฉพาะยูนิตห้องที่อยู่ชั้นสูง ซึ่งถูกแสงแดดส่องเกือบตลอดทั้งวัน แต่หากต้องการใช้ผ้าม่านแบบบางเพื่อรับแสงแดดธรรมชาติบ้าง แนะนำให้เลือกผ้าม่าน 2 ชั้น ที่มาพร้อมผ้าม่านโปร่งสำหรับรับแสงแดดและผ้าม่านปกติที่อาจเป็น Dim Out หรือ Black Out สำหรับกันแดดและแสงยูวี เพื่อการใช้งานที่ยืดหยุ่นต่อสภาพอากาศและแสงแดด 5. เลือกใช้พื้นไม้ ด้วยคุณลักษณะของพื้นไม้ที่ช่วยทำให้บรรยากาศดูอบอุ่น การเลือกพื้นไม้จึงเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ทำให้ห้องน่าอยู่มากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องรื้อพื้นเก่าที่โครงการให้มา เพราะสามารถติดตั้งพื้นไม้เทียมหรือกระเบื้องลายไม้แทนได้ อย่างไรก็ตาม การตกแต่งคอนโด 2 ห้องนอน ด้วยตนเองต้องอาศัยทั้งเวลา และงบประมาณค่อนข้างมาก ส่งผลให้ผู้อยู่อาศัยหลายคนเลือกซื้อคอนโด 2 ห้องนอน ตกแต่งสวยพร้อมอยู่ ซึ่งถือเป็นอีกทางเลือกของผู้ที่ไม่สะดวกตกแต่งคอนโดด้วยตนเอง แนะนำคอนโด 2 ห้องนอน ตกแต่งสวยพร้อมอยู่ รวม…

รู้ก่อนเลี้ยง เตรียมตัวให้พร้อมก่อนเลี้ยงสัตว์ในบ้านและคอนโด

‘รักเขาเหมือนลูก’ ‘รักเขาเหมือนคนในครอบครัว’ คำนี้ไม่เกินจริง สำหรับกลุ่มคนที่รักสัตว์และมีสัตว์เลี้ยงอย่างแน่นอน นับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 การกักตัวและมาตรการการล็อกดาวน์ (Lockdown) ส่งผลให้ผู้คนจำนวนมากหันมาเลี้ยงสัตว์มากขึ้นเนื่องจากเป็นที่พึ่งคลายเหงาได้ดี ในวันที่ไม่สามารถพบเจอใครได้ แม้จะผ่านมาแล้วกว่า 2 ปี แต่อัตราการเลี้ยงสัตว์กลับสูงขึ้นต่อเนื่อง จนเกิดเป็น ‘Pet Humanization’ หรือการเลี้ยงสัตว์แบบสมาชิกในครอบครัวอย่าง ‘Pet Parenting’ ทำให้หลายคนหันมาเลี้ยงสัตว์ และอยากมีสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้นด้วย แต่บางครั้งก็ติดปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย ทำให้ปัจจุบัน เทรนด์ที่อยู่อาศัยแบบเอื้อต่อสัตว์เลี้ยงมีเพิ่มมากขึ้นเพื่อตอบโจทย์ Pet Lover แต่ก็มีบางครั้งที่เจ้าของมักแอบเลี้ยงเหล่าสัตว์เลี้ยงแสนรักแม้จะไม่ได้รับอนุญาต และก็ยังมีปัญหาอีกมากของการอยู่ร่วมกับระหว่างคนที่เลี้ยงและไม่ได้เลี้ยงสัตว์ แล้วต้องเลี้ยงอย่างไร? อยู่แบบไหน? ต้องมีกฏระเบียบอย่างไรถึงจะมีความสุขทั้งคนและสัตว์เลี้ยงแสนรัก หาคำตอบของการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้ในบทความนี้ แอบเลี้ยงสัตว์ส่งผลเสียอย่างไร มาเริ่มกันที่ข้อเสียของการแอบเลี้ยงสัตว์ นับเป็นเรื่องคลาสสิกที่ทำให้ทั้งคนเลี้ยงและคนรอบข้างได้รับความเดือดร้อนไปตามๆ กัน ส่วนมากการแอบเลี้ยง มักจะเป็นการแอบเลี้ยงของเจ้าของที่อาศัยอยู่คอนโด นอกจากผิดกฎแล้ว ลองมาดูกันว่ามีข้อเสียอะไรอีกบ้าง 1. ปัญหาเรื่องของกลิ่น การจัดการสิ่งปฏิกูล และเสียงของสัตว์เลี้ยง นับเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเรื่องของสุขอนามัย อาจทำให้เกิดการปนเปื้อน แย่กับสุขภาพทั้งเจ้าของและเหล่าน้องๆ แสนรัก อีกทั้งกลิ่นและเสียงอาจรบกวนเพื่อนบ้าน จนสร้างบรรยากาศการอยู่อาศัยที่ไม่ดีให้แก่กัน 2. เพื่อนบ้านที่แพ้ขนสัตว์ แม้จะไม่เจอ หากข้างห้องและเพื่อนร่วมชั้นเป็นภูมิแพ้ เจ้าสารก่อภูมิแพ้สามารถลอยในอากาศจนไปกระตุ้นให้เกิดการแพ้ขึ้นได้ นำไปสู่การถูกจับได้ในที่สุด 3. สัตว์เลี้ยงและเจ้าของเกิดความเครียด ในตอนที่ต้องพาไปหาหมอ ก็ต้องแอบนำน้องใส่กระเป๋าเงียบๆ หากมีคนเข้าลิฟต์แล้วน้องส่งเสียงล่ะ? จะเกิดอะไรขึ้น? เพราะการแอบเลี้ยงสัตว์ในคอนโดที่ห้ามเลี้ยง เป็นการฝ่าฝืนกฎและอาจถูกปรับหรือต้องนำน้องไปอยู่ที่อื่นได้ ความกดดันจากเรื่องของกลิ่นและเสียงที่อาจรบกวนข้างห้อง อาจทำให้เจ้าของเกิดความเครียด ยิ่งเวลาที่จะต้องออกจากห้องแล้วทิ้งสัตว์เลี้ยงให้อยู่เพียงลำพัง ก็กังวลว่าน้องส่งเสียงรบกวนหรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้นพื้นที่ที่จำกัด สำหรับน้องๆ บางตัวอาจทำให้รู้สึกอึดอัดจนเกิดความเครียดจนอาจ ทำลายข้าวของ กัดเฟอร์นิเจอร์ได้ 4. ผิดกฎระเบียบ ถูกปรับ หรือต้องย้ายออก แม้การฝ่าฝืนกฎหรือข้อบังคับคอนโดจะไม่ได้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่การแอบเลี้ยงสัตว์ในคอนโด ก็ยังเป็นเรื่องที่ผิดอยู่ดี แม้สัตว์ที่เราเลี้ยงจะไม่มีพิษ และไม่สามารถลอดช่องประตูออกมาได้ แต่หากข้างห้องผู้แพ้ขนสัตว์ร้องเรียน อาจลุกลามบานปลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ ทำให้ต้องใช้นิติบุคคลเข้ามาไกล่เกลี่ย แต่ในเมื่อผิดข้อบังคับตั้งแต่แรก การโต้แย้งของคุณก็อาจไม่มีน้ำหนักมากพอนั่นเอง เห็นได้ชัดว่าการแอบเลี้ยงสัตว์ในคอนโด แม้จะไม่ผิดกฎหมาย แต่ก็สร้างความเดือดร้อนรำคาญใจให้กับทั้งตัวเจ้าของ น้องๆ และผู้อาศัยร่วมด้วยนั่นเอง รักต้องรู้ เตรียมตัวให้พร้อมก่อนเลี้ยงสัตว์ หลังจากทราบข้อเสียของการแอบเลี้ยงสัตว์ในคอนโดไปแล้ว มาดูกันว่า หากเราต้องการเลี้ยงสัตว์ในคอนโด เราต้องเลือกคอนโดแบบไหน มีคุณสมบัติอะไรบ้าง เพื่อให้เราและน้องๆ ได้อยู่แบบมีความสุข ไม่เดือดร้อนเพื่อนบ้านและไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ 1. หากจะอยู่คอนโดต้องเลือกคอนโดที่เลี้ยงสัตว์ได้ หากจะอยู่คอนโดสำคัญที่สุดและเป็นข้อแรกที่ต้องคำนึงก่อนเลือกซื้อคอนโด หรือเช่าคอนโด ต้องหาคอนโดที่อนุญาตให้สามารถเลี้ยงน้องสัตว์ได้ โดยอาจเลือกจาก คอนโดที่มีประกาศ หรือชี้แจงอย่างเป็นทางการ ไม่ว่าด้วยการโฆษณาเปิดโครงการ หรือข้อมูลทางเว็บไซต์ที่เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ทางโครงการนี้อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้ เพราะนอกจากจะทำให้ คนที่เลือกซื้อ หรือเช่าคอนโดนี้ทุกคนรับทราบและยอมรับได้ที่มีเพื่อนบ้านเลี้ยงน้องหมาหรือแมว โดยปกติแล้วคอนโดเลี้ยงสัตว์ได้จะมีเงื่อนไข กฎการอยู่อาศัยร่วมกัน ดังนี้ ส่วนใหญ่จะไม่ให้เลี้ยงพันธุ์ที่มีพฤติกรรมดุร้าย และอนุญาตเลี้ยงสัตว์พันธุ์เล็กเท่านั้นเช่นสุนัขพันธุ์…

คอนโด 2 ชั้น มีกี่แบบ? แนะนำ 5 คอนโด 2 ชั้นให้เช่า

แม้คอนโดจะได้รับความนิยมเป็นตัวเลือกที่อยู่อาศัยของกลุ่มคนรุ่นใหม่ แต่หลายคนยังมองหาพื้นที่การใช้ชีวิตที่กว้างขวาง และให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน ส่งผลให้คอนโด 2 ชั้น ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ในบทความนี้ พลัสฯ จะพาไปส่องประเภทของคอนโด 2 ชั้น พร้อมแนะนำ 5 พิกัด คอนโด 2 ชั้นให้เช่า ข้อดีของคอนโดสองชั้น คอนโด 2 ชั้น คือ ยูนิตอยู่อาศัยที่แบ่งออกเป็น 2 ระดับ และมีบันไดเชื่อมต่อระหว่างชั้นบนกับชั้นล่างอยู่ภายในยูนิต ซึ่งมีข้อดีเหนือกว่าคอนโด 1 ชั้น (Simplex) อยู่หลายด้าน เช่น 1. ความสูงจากพื้นถึงเพดานมากกว่า ด้วยระดับความสูงจากพื้นถึงเพดานที่มากกว่า ส่งผลให้บรรยากาศพื้นที่ภายในดูโล่งโปร่ง และแสงธรรมชาติสามารถเข้ามาได้มากกว่า ซึ่งช่วยสร้างความรู้สึกผ่อนคลายให้กับผู้อยู่อาศัย 2. พื้นที่ใช้สอยมากกว่า คอนโด 2 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอยโดยรวมที่มากกว่าคอนโด 1 ชั้น แม้จะมีจำนวนห้องนอน และห้องน้ำเท่ากัน ซึ่งช่วยให้ผู้อยู่อาศัยไม่รู้สึกแออัดจนเกินไป และสามารถเก็บของใช้ต่างๆ ได้มากขึ้น 3. จัดสรรพื้นที่ได้มากขึ้น โดยทั่วไปคอนโด 2 ชั้น จะมีพื้นที่ส่วนกลางมากกว่าคอนโด 1 ชั้น เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องรับประทานอาหาร และอื่นๆ ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศที่ดูเป็นบ้านมากยิ่งขึ้น ข้อดีทั้งหมดนี้ทำให้คอนโด 2 ชั้น ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ครอบครัวขนาดเล็ก และคู่รัก ประเภทของคอนโด 2 ชั้น คอนโด 2 ชั้น มีหลากหลายประเภท ขึ้นอยู่กับเอกลักษณ์ด้านการออกแบบ โดยคอนโด 2 ชั้น ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยมีทั้งหมด 3 ประเภท คือ 1. Duplex คอนโด Duplex เป็นประเภทคอนโด 2 ชั้น ที่พบเห็นได้มากที่สุด โดยมีทางเข้าจากภายนอกยูนิตอยู่ที่ชั้น 1 และมีบันไดอยู่ภายในสำหรับเชื่อมชั้นบนกับชั้นล่าง ทั้งนี้ คอนโด Duplex มักออกแบบให้พื้นที่ใช้สอยชั้น 1 เป็นพื้นที่ส่วนกลาง เช่น ห้องครัวหรือห้องนั่งเล่น 2. Maisonette คอนโด Maisonette มีความคล้ายคลึงกับคอนโด Duplex แต่มีทางเข้าจากภายนอกยูนิต 2 ทาง ทั้งจากชั้น 1 และชั้น 2…

ย้ายทะเบียนบ้านออนไลน์ใน 6 ขั้นตอนปี 2567

ในปัจจุบันไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องการความสะดวก รวดเร็ว แต่การติดต่อขอดำเนินการทางเอกสารบางอย่าง เช่น “การย้ายทะเบียนบ้าน” บางครั้งก็ต้องใช้เวลานานเหลือเกิน แต่หายห่วง! เพราะตอนนี้สามารถย้ายทะเบียนบ้านออนไลน์ได้แล้ว ไม่ต้องไปสำนักงาน ไม่ต้องนั่งรอคิวเป็นชั่วโมง ทำด้วยตัวเอง ที่ไหนก็ได้ สะดวกสุดๆ ย้ายทะเบียนบ้านออนไลน์ทำได้ไหม? หากมีการย้ายทะเบียนบ้านออนไลน์ต้องทำอย่างไร? การย้ายทะเบียนบ้านออนไลน์จะยุ่งยากหรือเปล่า? บทความนี้จะคลายทุกข้อสงสัย จะมีขั้นตอนอะไรบ้างสำหรับการย้ายทะเบียนบ้านออนไลน์ ตามมาดูกัน ขั้นตอนการย้ายทะเบียนบ้านออนไลน์ การย้ายทะเบียนบ้านออนไลน์ทำได้ง่ายๆด้วย “แอปพลิเคชั่น ThaiD ” ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ดังนั้น ก่อนอื่นต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นและทำการลงทะเบียนให้เรียบร้อยก่อน (ทางฝั่งเจ้าบ้านก็ต้องทำการลงทะเบียน ThaiD เพื่อกดยืนยันข้อมูลการแจ้งย้ายเข้าด้วยเช่นกัน) วิธีลงทะเบียนใช้งาน THAID ด้วยตนเอง เตรียมพร้อมย้ายทะเบียนบ้านออนไลน์ 1. เข้าแอปพลิเคชัน “THAID” (ไทยดี) กด “เริ่มต้นใช้งาน” 2. กด “เลือกลงทะเบียนด้วยตนเอง” หลังจากอ่านเงื่อนไขการใช้บริการต่างๆ เรียบร้อยแล้ว “กดปุ่มยอมรับ” และ “กดถัดไป” 3. “ถ่ายรูปหน้าบัตรประจำตัวประชาชนและหลังบัตรฯ” เมื่อตรวจสอบความเรียบร้อยเสร็จแล้วให้ “กดปุ่มยืนยัน” 4. ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง หากไม่ถูกต้อง แก้ไขให้เรียบร้อย แล้วกดยืนยัน 5. ถ่ายรูปให้ตรงตามคำแนะนำที่ขึ้น เมื่อเรียบร้อยแล้ว “กดปุ่มยืนยัน” 6. สร้างรหัสเพื่อความปลอดภัยด้วยเลข 8 หลัก และกดยืนยันอีกครั้ง ห้ามใช้ตัวเลขเรียงกันหรือใช้ซ้ำเกินได้ไม่เกิน 4 ตัว เช่น 1234, 1111, 2222 เป็นต้น จากนั้นยืนยันการสร้างสิ่งแทนดิจิทัล แล้วจึงกดรหัสความปลอดภัยที่เราพึ่งสร้าง เพื่อยืนยัน ลงทะเบียนใช้งาน แอป THAID เรียบร้อย! เตรียมพร้อมสำหรับการย้ายทะเบียนบ้านออนไลน์   วิธีย้ายทะเบียนบ้านออนไลน์ด้วย ThaiD 1. เข้าแอป ThaiID เลือก “การแจ้งการย้ายที่อยู่” 2. กรอก เลขบัตรประชาชนของเจ้าบ้านที่เราจะย้ายเข้าไป 3. กดส่งคำร้องขอเจ้าบ้าน 4. จากนั้นจะมีข้อความ (SMS) ให้ทำการยืนยันตัวตนและให้ความยินยอมยืนยันส่งไปที่เจ้าบ้าน 5. เมื่อเจ้าบ้านกดยืนยันและยินยอมจากนั้นข้อมูลก็จะส่งไปยังนายทะเบียนของสำนักงานเขตหรืออำเภอที่อยู่ปลายทางที่ทำการแจ้งย้ายเอาไว้ 6. นายทะเบียนจะดำเนินการอนุมัติการแจ้งย้าย และแจ้งผลการอนุมัติให้กับผู้ขอย้ายและเจ้าของบ้านทราบ โดยการย้ายทะเบียนบ้านนั้นจะสำเร็จก็ต่อเมื่อเจ้าของบ้านที่เราจะย้ายเข้าไปกดยินยอม เพียง 6 ขั้นตอนง่ายๆ ก็สามารถย้ายทะเบียนบ้านออนไลน์ได้แล้ว คลายข้อสงสัย Q: ย้ายทะเบียนบ้านออนไลน์ทำได้ไหม? คำตอบคือ การย้ายทะเบียนบ้านออนไลน์สามารถทำได้ และไม่ยุ่งยากเลย เพียงแค่ทำตามขั้นตอนข้างบน เท่านี้ก็สามารถย้ายทะเบียนบ้านออนไลน์ได้แล้ว การย้ายทะเบียนบ้านออนไลน์สามารถทำได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องลางาน ไม่ต้องต่อคิว…

รู้จักกรรมสิทธิ์คอนโด ซื้อคอนโดได้สิทธิอะไรบ้าง?

เป็นเจ้าของบ้านดีกว่าเป็นเจ้าของคอนโดจริงหรือ? พลัสฯ พามาทำความรู้จักกรรมสิทธิ์คอนโด หรือกรรมสิทธิ์ห้องชุด พร้อมทำความเข้าใจสิทธิที่ได้รับในการเป็นเจ้าของคอนโด แตกต่างจากการเป็นเจ้าของบ้านอย่างไร? หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด คืออะไร? เมื่อซื้อบ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮ้าส์ กรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดิน (น.ส. 4) จะถูกโอนมาเป็นชื่อของผู้ซื้อตามกฎหมาย ซึ่งผู้ซื้อจะสามารถใช้ประโยชน์จากที่ดินได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการขาย จำนอง หรือยกเป็นมรดกให้ลูกหลาน ในขณะที่การซื้อคอนโดมิเนียม ผู้ซื้อจะได้หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด (อ.ช. 2) แทน ซึ่งผู้ซื้อจะไม่ถือว่า เป็นเจ้าของโครงการนั้นๆ อย่างสมบูรณ์ แต่จะถูกเรียกว่า เจ้าของร่วม ภาพจากโครงการ เดอะ ไลน์ พหลฯ-ประดิพัทธ์ CD202924 กรรมสิทธิ์คอนโดหรือกรรมสิทธิ์ห้องชุด การถือครองกรรมสิทธิ์คอนโด หรือกรรมสิทธิ์ห้องชุดในฐานะเจ้าของร่วมมีรายละเอียดของสิทธิ ดังนี้ 1.สิทธิในส่วนแบ่งเงินประกัน โดยทั่วไปคอนโดมิเนียมมักมีการทำประกันภัยอาคารชุดเอาไว้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นประกันอัคคีภัย ประกันอุทกภัย และอื่นๆ เมื่อตัวอาคารได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติเหล่านี้ บริษัทประกันจะทำการจ่ายเงินชดเชยให้กับนิติบุคคลของโครงการคอนโดตามเงื่อนไข ซึ่งเจ้าของร่วมทุกคนมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งจากเงินประกันดังกล่าวตามสัดส่วนการครอบครอง 2.สิทธิจัดตั้ง และตรวจสอบการทำงานของนิติบุคคล เจ้าของร่วมทุกคนมีสิทธิในการร่วมกันจัดตั้งคณะกรรมการนิติบุคคลอาคารชุด เพื่อดูแลรักษาและบริหารจัดการทรัพย์สินส่วนกลาง จัดเก็บค่าส่วนกลาง ออกกฎระเบียบและข้อบังคับ รวมถึงการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ เช่น กรมไฟฟ้า การประปา และอื่นๆ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการนิติบุคคลอาคารชุดสามารถบริหารงานต่างๆ ได้เอง หรือว่าจ้างบริษัทบริหารจัดการอาคารชุดมืออาชีพเข้ามาทำหน้า ขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างคณะกรรมการนิติบุคคลและเจ้าของร่วมท่านอื่นๆ นอกจากนี้ เจ้าของร่วมทุกคนมีสิทธิสอดส่อง และตรวจสอบการทำงานของคณะกรรมการนิติบุคคลได้ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นงบการเงิน รายงานการประชุม และอื่นๆ หากพบความไม่โปร่งใสในการทำงานของคณะกรรมการนิติบุคคล เจ้าของร่วมมีสิทธิฟ้องร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การถอดถอน และจัดตั้งคณะกรรมการนิติบุคคลชุดใหม่ ภาพจากโครงการ ไอดีโอ คิว สุขุมวิท 36 CD220913 3.สิทธิตกแต่งภายในห้องชุด เจ้าของร่วมมีสิทธิในการตกแต่งภายในห้องชุดของตนเอง เช่น การทาสี เปลี่ยนวอลล์เปเปอร์ และติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งอาจต้องแจ้งกับนิติบุคคลเรื่องขออนุญาตผู้รับเหมาภายนอกเข้ามาภายในโครงการ และจำเป็นต้องทำภายในช่วงเวลาที่กำหนด ขึ้นอยู่กับกฎระเบียบของแต่ละโครงการ เพื่อไม่ให้เกิดเสียงรบกวนเพื่อนบ้าน ส่วนการตกแต่งภายในที่กระทบต่อโครงสร้างอาคาร เช่น การทุบผนัง เปลี่ยนประตูหน้าต่าง และอื่นๆ จำเป็นต้องทำการขออนุญาตต่อนิติบุคคลก่อน ซึ่งบางโครงการอาจไม่อนุญาต เนื่องจากข้อกังวลเกี่ยวกับความแข็งแรงของโครงสร้างอาคาร และป้องกันความเสียหายจากการเจาะ หรือตัดสายผิดจุด ซึ่งอาจไปโดนท่อประปา สายไฟ และอื่นๆ รวมถึงการใช้ไฟเกินกำหนดที่อาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรด้วย 4.สิทธิเป็นกรรมการนิติบุคคล เจ้าของร่วมมีสิทธิได้รับลงสมัครเป็นคณะกรรมการนิติบุคคล แต่ต้องมีคุณสมบัติตามที่กฎหมายอาคารชุดกำหนด เช่น เป็นผู้มีอายุ 20 ปี บริบูรณ์ขึ้นไป ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต ไม่มีประวัติอาชญากรรม และอื่นๆ โดยกรรมการนิติบุคคลจะทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของทีมนิติบุคคลอาคารชุด มีอำนาจในการกำหนดนโยบาย กฎระเบียบในโครงการ ตลอดจนการพิจารณาอนุมัติค่าใช้จ่ายและติดสินการดำเนินการต่างๆ ในโครงการ 5.สิทธิในการกำหนดระเบียบคอนโด เจ้าของร่วมมีสิทธิกำหนดกฎระเบียบและข้อควรปฏิบัติต่างๆ ซึ่งเกี่ยวกับการใช้ทรัพย์ส่วนบุคคลและทรัพย์ส่วนกลางของคอนโดที่เหมาะสม และเป็นประโยชน์ต่อผู้อยู่อาศัย โดยจะต้องผ่านการเห็นชอบในที่ประชุมระหว่างเจ้าของร่วมคนอื่นๆ…

บริหารอาคารด้วยใจ ความภาคภูมิใจของ Plus Property ในคุณภาพงานบริการ

นิติบุคคลคอนโด นิติบุคคลหมู่บ้าน และการบริหารอาคาร ล้วนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการอยู่อาศัย การใช้อาคารอย่างสะดวกสบาย ปลอดภัย และมีความสุข แต่การบริหารอาคารนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ ความทุ่มเท และความใส่ใจในรายละเอียด การสร้างความสัมพันธ์อันดีบนพื้นฐานของความไว้วางใจ เข้าใจความต้องการ และตอบสนองความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ คิดหา Solution เพื่อแก้ไขปัญหา เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า คือเป้าหมายสำคัญของการมุ่งมั่นพัฒนา ยกระดับการบริหารจัดการ Living Management และ Facility Management จาก Plus Property พบกับ 3 หัวใจหลักของการบริหารอาคารด้วยใจ ผ่านแคมเปญ #NeverEndingCare ดูแลคุณไม่สิ้นสุด ที่ไม่ใช่เพียงคำสัญญาเท่านั้น แต่เป็นดั่งไบเบิลของพนักงานพลัสฯ ที่ต่างมีความตั้งใจเดียวกันคือ ‘คิด’ ‘ทำ’ ‘อยู่เคียงข้าง’ เพื่อหา Solution ที่ดีที่สุด ให้ลูกค้าคนสำคัญ ช่วย Save ให้คุณเต็มที่ : Quality Excellence Plus Property โฟกัสเรื่องคุณภาพทั้งในด้านบริหาร และการบริการแบบไม่มีที่สิ้นสุด ไม่หยุดพัฒนาในทุกด้าน และยกระดับคุณภาพทัดเทียมสากล การันตีด้วยการได้รับ ISO มากที่สุด ถึง 3 ตัว วางใจได้ว่ามีการควบคุมคุณภาพ โปร่งใสตรวจสอบได้ มีมาตรฐาน วางแผนงานชัดเจน ลงรายละเอียด พนักงานมีความรู้ ความเข้าใจขั้นตอนต่าง ๆ ในการทำงาน รู้เรื่องข้อกำหนดทางกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการอาคาร ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี ถ่ายทอดจากรุ่นพี่สู่รุ่นน้องเจนใหม่ ทำให้พนักงานมีความเข้าใจที่จะหา Solution ช่วยคิด ปรับเปลี่ยน วิธีการโดยยังคงคุณภาพให้ได้ตามมาตรฐาน เพื่อตอบโจทย์ตามความต้องการของลูกค้าได้ อาทิ ช่วยลดค่าใช้จ่ายประจำเดือนจากการประหยัดพลังงาน, คัดสรร ตรวจสอบ Vendor ให้ทำงานมีประสิทธิภาพ เพื่อการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างคุ้มค่า มีคุณภาพ, ประหยัดค่าใช้จ่ายการซ่อมแซมระยะยาวที่ต้องใช้งบประมาณก้อนใหญ่ด้วยการหมั่นซ่อมบำรุงอุปกรณ์เครื่องจักรด้วยการทำ Preventive Maintenance ฯลฯ จัดการให้ทุกอย่างพร้อมใช้ : Expert Teams Plus Property มีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการบริหารอาคารทุกรูปแบบ มั่นใจทุกระบบดูแลอาคาร ยกระดับมาตรฐานการบริการลูกค้าในงานบริหารอาคาร ด้วยการนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของงานบริหารและการดูแล มอบประสบการณ์ที่สะดวกสบาย รวดเร็ว และปลอดภัย Plus Property เรามีทีมสนับสนุนเป็นวิศวกรและช่างผู้ชำนาญการจากศูนย์กลางพร้อมเข้าช่วยเหลือให้คำปรึกษา เพื่อให้เครื่องจักร และสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมใช้งานตลอดเวลา ช่วยแก้ปัญหา แม่นยำ ว่องไว อยู่เคียงข้างไม่สิ้นสุดในทุกช่วงเวลา ทุกสถานการณ์ นอกจากนี้ยังมีการสร้างมาตรฐานการทำงานพัฒนาทักษะของบุคลากร…

ข่าวสารจากพลัสฯ

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ยืน 1 ผู้ให้บริการอสังหาฯ ครบวงจร คว้ารางวัล “Best Property Management” 2 ปีซ้อน

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ สร้างความสำเร็จอีกครั้ง! คว้ารางวัลในงาน Livinginsider Thailand Developer Awards 2025 สาขา “Best Property Management” สุดยอดผู้ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 สะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพและการรักษาคุณภาพในการส่งมอบบริการที่มีมาตรฐานและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง รางวัล Livinginsider Thailand Developer Awards 2025 จัดโดย Livinginsider ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ สำหรับการขาย-เช่าโครงการที่อยู่อาศัย เพื่อตอกย้ำการสนับสนุนและยกย่องผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยที่สร้างผลงานโดดเด่น พร้อมทั้งมีส่วนสำคัญในการยกระดับมาตรฐานและขับเคลื่อนวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน กว่า 28 ปี ที่พลัสฯ ดูแล บริหารจัดการอสังหาฯ ด้วยความมุ่งมั่นในการส่งมอบบริการที่ตอบโจทย์ทั้งคุณค่าในการลงทุนและการอยู่อาศัยที่มุ่งเน้นส่งเสริมคุณภาพชีวิต ปัจจุบัน พลัสฯ ดูแลโครงการทั้งสิ้น 440 โครงการ กว่า 100,000 ครอบครัว บนพื้นที่กว่า 20 ล้าน ตร.ม. ดูแลครอบคลุมทั้งโครงการที่อยู่อาศัยและอาคารเชิงพาณิชย์ ให้บริการด้านนิติบุคคลคอนโดและหมู่บ้าน บริการตรวจอาคารและระบบวิศวกรรมอาคาร รวมถึง บริการพลัส คอนเซียจ ที่พาร์ทเนอร์กับผู้ให้บริการด้านการอยู่อาศัย เช่น แม่บ้าน ทำสวน ซักผ้า ล้างแอร์ ฯลฯ เพื่อส่งมอบบริการให้ถึงมือลูกบ้านอย่างง่ายดาย และสามารถใช้ชีวิตได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้ ยังมีบริษัทในเครืออย่าง ลิฟ-24 (LIV-24) เข้ามาเติมเต็มการดูแลด้วยโซลูชันเทคโนโลยีอัจฉริยะ โดยใช้ AI (Artificial Intelligence) และ IoT (Internet of Things) ช่วยดูแลความปลอดภัยในทุกมิติ รวมถึงสามารถตรวจสอบเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์ ตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยศักยภาพด้านการให้บริการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร พลัสฯ ตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ด้วยมาตรฐานการทำงานระดับสากลที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO ทั้งระบบบริหารงานคุณภาพ (ISO 9001) ระบบบริหารทรัพยากรกายภาพ (ISO 41001) และระบบบริหารสิ่งแวดล้อม (ISO 14001) โดยเป็นผู้ให้บริการรายแรกและรายเดียวที่สามารถบูรณาการมาตรฐานดังกล่าวครอบคลุมทุกโครงการได้อย่างครบถ้วน และยังมีสถาบันฝึกอบรม Plus Eduplex ที่ผลิตบุคลากรคุณภาพปีละกว่า 4,000 คน ซึ่งเป็นอีกส่วนสำคัญที่ช่วยให้พลัสฯ สามารถรักษามาตรฐานและคุณภาพบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน พลัสฯ ยังต่อยอดประสบการณ์และความเข้าใจในความต้องการของผู้บริโภคสู่การพัฒนาบริการใหม่ เช่น “Plus Consultancy” ซึ่งเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการที่ปรึกษาเฉพาะเรื่องได้อย่างยืดหยุ่น ตอบโจทย์ลูกค้าที่มีทีมบริหารงานอยู่แล้ว แต่ต้องการคำปรึกษาเฉพาะส่วน นอกจากนี้ พลัสฯ ยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและการยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกบ้าน ผ่านการสร้างคอมมูนิตี้ที่ดีและมีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นการจัดกิจกรรมสำหรับสัตว์เลี้ยง การนำผักที่ปลูกภายในโครงการมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์มอบให้ลูกบ้าน หรือกิจกรรม Waste To Worth ในการคัดแยกขยะ ซึ่งดำเนินต่อเนื่องเข้าสู่ปีที่…

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เปิดกลยุทธ์หนุนธุรกิจ Property Management โตต่อครึ่งปีหลัง

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ มุ่งยกระดับการบริหารจัดการอสังหาฯ ด้วยกลยุทธ์ใหม่ครึ่งปีหลัง สร้างความมั่นใจจากลูกค้าด้วยคะแนนความพึงพอใจทะลุ 90% นางสาวสุวรรณี มหณรงค์ชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า หนึ่งในเทรนด์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่น่าสนใจในช่วงครึ่งปีหลังนี้ คือ ‘กลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง’ (real demand) เป็นกำลังซื้อหลักที่ขับเคลื่อนตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถือเป็น Game Changer จากอดีตที่กลุ่มนักลงทุนมีบทบาทสำคัญ ส่งผลให้ดีเวลลอปเปอร์ต้องหันมาเน้นการสร้างโครงการที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยจริง และมุ่งสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ คอมมูนิตี้คุณภาพ ไปจนถึงบริการหลังการขาย นอกจากนี้ ยังพบว่ากลุ่มลูกค้าที่เลือกคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะผู้ที่อยู่อาศัยคนเดียวหรือคนโสด ให้ความสำคัญไม่เพียงแค่กับทำเลและงบประมาณที่เหมาะสม แต่ยังคำนึงถึงบริการหลังการขายด้วย เพราะต้องการความมั่นใจด้านความปลอดภัยและคุณภาพการดูแลหลังเข้าอยู่อาศัย เห็นได้ชัดว่าบริการหลังการขาย มีส่วนในการตัดสินใจซื้อและเป็นกุญแจสำคัญที่จะพลิกเกมการแข่งขันให้ธุรกิจอสังหาฯได้ในระยะยาว พลัสฯ เราในฐานะ Property Management ที่เป็นผู้ให้บริการจัดการด้านการอยู่อาศัย มุ่งมั่นที่จะพัฒนาต่อเนื่องเพื่อสามารถให้บริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างในแต่ละยุคสมัย สะท้อนภาพความสำเร็จผ่านผลการประเมินความพึงพอใจจากลูกค้าที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี โดยครึ่งปีแรกนี้ พลัสฯ สามารถคว้าคะแนนความพึงพอใจของลูกค้าได้สูงถึง 90.8% เพิ่มขึ้นจากปี 67 ที่ได้คะแนน 90.1% และปี 66 ที่ได้คะแนน 89.4% สะท้อนถึงการรับฟังเสียงของลูกค้าและนำมาพัฒนาบริการได้จริง โดยมิติการบริการที่ลูกค้าให้คะแนนพึงพอใจสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ การบริการของพนักงาน การให้ความช่วยเหลือของพนักงาน และการดูแลพื้นที่ส่วนกลาง สอดคล้องกับดีเอ็นเอของพลัสฯ ที่ยึดมั่นในมาตรฐานการบริหารและการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าในทุกขั้นตอน นอกจากนี้ พลัสฯ ยังได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าให้ดูแลโครงการต่อเนื่องยาวนาน โดยมีโครงการที่พลัสฯ บริหารต่อเนื่องเกิน 10 ปี ถึง 113 โครงการ ในที่นี้ มีโครงการที่ดูแลยาวนานมากกว่า 20 ปี ถึง 13 โครงการ โดยมีไฮไลท์ที่โดดเด่น เช่น โครงการบ้านไข่มุก ของแสนสิริ ที่พลัสฯ ดูแลมากกว่า 30 ปี มีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 1,000% จากการดูแลรักษาและบริหารคุณภาพอย่างต่อเนื่อง เปิด 6 กลยุทธ์หลัก เบื้องหลังความสำเร็จที่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า 1. ระบบการทำงานที่มีมาตรฐาน พลัสฯ ใช้มาตรฐานการทำงานระดับสากล ครอบคลุมทุกโครงการ 100% ทั้งการดูแลเชิงกายภาพเพื่อให้พื้นที่ส่วนกลางสวยงามและมีมูลค่าเพิ่มตามกาลเวลา การวางกฎระเบียบที่ชัดเจน การมีแผนรับมือเหตุฉุกเฉิน มีทีมสนับสนุน เช่น ฝ่ายบัญชี ฝ่ายกฎหมาย และ Call Center คอยรับเรื่องร้องเรียน เพื่อนำไปพัฒนาปรับปรุงอยู่เสมอ 2. มองเทรนด์ตลาด สร้างโมเดลและธุรกิจใหม่ ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ เรามองเทรนด์ตลาดและความต้องการของลูกค้าจากข้อมูลจริง และมองหาโซลูชันหรือบริการใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ลูกค้า เช่น โมเดลบริหารงานแบบ Pool Resource…

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ปิดดีลการประกวดราคากลุ่มอาคารสิริ แคมปัส มูลค่า 2,400 ล้านบาท

บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้นำด้านการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ประกาศความสำเร็จจากการปิดดีลการประกวดราคากลุ่มอาคารสิริ แคมปัส (Siri Campus) ซึ่งเป็นกลุ่มอาคารสำนักงาน ในโซนพระโขนง-สุขุมวิท ซึ่งประกอบด้วย 5 อาคาร คือ อาคารสำนักงาน 6 ชั้นจำนวน 3 หลัง, อาคารสำนักงานพาณิชย์ (ร้านค้า) 6 ชั้น จำนวน 1 หลัง, อาคารสำนักงานพาณิชย์ และพื้นที่จอดรถยนต์ 7 ชั้น จำนวน 1 หลัง ตั้งอยู่บนที่ดินเนื้อที่ 7-1-42.2 ไร่ ภายในโครงการ T77 ซอยอ่อนนุช 1/1 (ถนนสุขุมวิท 77) กรุงเทพมหานคร มีพื้นที่ให้เช่ารวม 19,602 ตารางเมตร และพื้นที่ใช้สอยรวม 31,862 ตารางเมตร พร้อมพื้นที่จอดรถจำนวน 337 คัน ปัจจุบันมีรายได้จากค่าเช่าประมาณ 150 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้รับความไว้วางใจจาก บริษัท เอสพีวี 77 จำกัด (SPV77) ผู้ออกโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนสิริฮับ (“โครงการ”) แต่งตั้งให้เป็นตัวแทนนายหน้าซื้อขายทรัพย์สิน (Selling Agent) อย่างเป็นทางการ เพื่อดำเนินการจำหน่ายกลุ่มอาคารสิริ แคมปัส ตามข้อกำหนดและเงื่อนไขตามหนังสือชี้ชวนของโครงการ ซึ่งกำหนดให้ผู้ออกโทเคนดิจิทัลดำเนินการจำหน่ายกลุ่มอาคารสิริ แคมปัส เพื่อจัดสรรส่วนแบ่งรายได้จากการจำหน่ายและปิดโครงการภายใต้เงื่อนไขและระยะเวลาที่กำหนด การประกวดราคาเสร็จสิ้นไปเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ที่ผ่านมา ในราคาเสนอซื้อรวมทั้งสิ้น 2,400 ล้านบาท ซึ่งราคาดังกล่าวสะท้อนถึงมูลค่าทรัพย์สินในระยะยาว ซึ่งอยู่ในทำเลที่ตั้งที่มีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตและรวดเร็วในโซนพระโขนง–อ่อนนุช-สุขุมวิทตอนปลาย อีกทั้งยังเป็นจุดเชื่อมระหว่างใจกลางเมือง (สุขุมวิทตอนต้น) และพื้นที่นอกเมือง การเดินทางสะดวกทั้งจุดขึ้น-ลง ทางด่วน และรถไฟฟ้า BTS สถานีพระโขนงและอ่อนนุช ตอบโจทย์การเป็นอาคารสำนักงานที่เข้าถึงง่าย ทำเลโดยรอบครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้ง ฮาบิโตะ คอมมูนิตี้มอลล์ แหล่งรวมร้านค้า คาเฟ่ พื้นที่พักผ่อน และ โรงเรียนนานาชาติบางกอกเพรพ ตลอดจนบริเวณโครงการ T77 ที่ได้รับการพัฒนาเป็นคอมมูนิตี้ที่เพียบพร้อมด้วยโครงการที่อยู่อาศัย และพื้นที่สีเขียว ซึ่งช่วยเสริมบรรยากาศการพักผ่อน และตอกย้ำความเป็นทำเลที่ผสานการใช้ชีวิต การอยู่อาศัย และการทำงานได้อย่างสมดุล อาคารสำนักงานมีพื้นที่กว้างขวาง ร่มรื่น มีรูปแบบและกายภาพอาคาร ทั้งสภาพแวดล้อมภายในและภายนอกที่สนับสนุนการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ การปิดดีลการประกวดราคาในครั้งนี้ จึงนับเป็นความสำเร็จอีกก้าวของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ในบทบาทการเป็นตัวแทนนายหน้าซื้อขายทรัพย์สิน ดำเนินการสรรหาผู้ลงทุนที่มีศักยภาพอย่างรอบคอบ โปร่งใส และคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของผู้ถือโทเคนดิจิทัลเป็นสำคัญ ภายใต้การดูแลของทรัสตีและผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล…

เจาะพฤติกรรมการอยู่อาศัยของคนโสด และผู้สูงวัยยุคใหม่

หากมองให้ลึกถึงภาพใหญ่ของสังคมไทยในตอนนี้ จะเห็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างประชากรที่กำลังเกิดขึ้นแบบเงียบ ๆ แต่ทรงพลัง ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2567 ระบุว่า คนวัยทำงานไทย (15–49 ปี) กว่า 40.5% เป็นคนโสด ทำให้การใช้ชีวิตคนเดียวกลายเป็นทางเลือกที่มีมากขึ้น สะท้อนถึงแนวโน้มที่เรียกว่า Solo Economy ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของการใช้ชีวิต แต่รวมถึงการบริโภค การเดินทาง การเลือกที่อยู่อาศัย และการเข้าถึงบริการที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับคนที่ใช้ชีวิตคนเดียวมากขึ้น ในขณะเดียวกัน สังคมไทยก็กำลังก้าวสู่การเป็น “สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์” และอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จะกลายเป็น Super Aged Society หรือ “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด” โดยในปี 2573 ประชากรไทยกว่า 20% จะมีอายุเกิน 60 ปี และในปี 2593 ประชากรวัยทำงานจะหายไปกว่า 11 ล้านคน เมื่อโครงสร้างประชากรเปลี่ยนไป พฤติกรรมการใช้ชีวิตก็เปลี่ยนตาม ทั้งนี้ “การอยู่อาศัย” คือหนึ่งในมิติสำคัญที่สะท้อนความเปลี่ยนแปลงนี้ได้อย่างชัดเจน พฤติกรรมในการอยู่อาศัยของกลุ่มคนโสด ต้องการคุณภาพชีวิตที่ดี มีความเป็นส่วนตัว ปลอดภัย สะดวกสบาย และมีคอมมูนิตี้ที่มีคุณภาพและพร้อมให้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งได้ ส่วนกลุ่มผู้สูงวัยให้ความสำคัญกับสุขภาพ ความปลอดภัย และการมีระบบดูแลรองรับเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน พร้อมพื้นที่ที่เอื้อต่อสุขภาวะทั้งกายและใจ ในฐานะผู้ให้บริการด้านบริหารจัดการที่อยู่อาศัย เราไม่เพียงมองถึงการดูแลโครงการให้ได้มาตรฐาน แต่ยังมองไปถึงคุณภาพชีวิตและการอยู่อาศัย ยิ่งในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ผู้ประกอบการก็ต้องปรับตัวให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงนั้นอยู่เสมอ วันนี้จึงอยากจะขอแนะนำ 5 แนวทางในการจัดการโครงการที่อยู่อาศัย (Property Management) ให้สอดรับกับความต้องการของกลุ่มคนโสดและผู้สูงวัย ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ดังต่อไปนี้ 1. จัดการข้อมูลเชิงลึกของผู้อยู่อาศัย เช่น บ้านไหนมีผู้สูงวัย ผู้ที่อาศัยอยู่คนเดียว หรือมีภาวะต้องดูแลเป็นพิเศษ โดยควรออกแบบเป็นระบบ Data Centre ที่สามารถอัปเดตข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ และใช้งานร่วมกันระหว่างทีมงานที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อจัดเก็บ แต่เพื่อนำไปใช้ในการดูแลอย่างรู้บริบท อาทิ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น การลื่นล้มหรืออาการเจ็บป่วยกะทันหัน ทีมงานที่มีข้อมูลอยู่แล้วจะสามารถเข้าถึงและให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที ลดความเสี่ยงและเพิ่มความอุ่นใจให้กับลูกบ้านอย่างแท้จริง 2. ออกแบบพื้นที่และคอมมูนิตี้ให้ตอบโจทย์กลุ่ม Pet Parent ทั้งคนโสดและผู้สูงวัยจำนวนไม่น้อยในปัจจุบัน เลี้ยงสัตว์เสมือนสมาชิกครอบครัว ทำให้โครงการที่อยู่อาศัยจำเป็นต้องออกแบบพื้นที่ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์นี้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโซนสัตว์เลี้ยง สนามหญ้า ทางเดินเฉพาะ การจัดการขยะ รวมถึงกฎระเบียบที่ชัดเจนด้านความสะอาดและความปลอดภัย ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญในการอยู่ร่วมกันอย่างมีคุณภาพ นอกจากนี้ การสร้างคอมมูนิตี้ผ่านกิจกรรมสำหรับกลุ่มคนรักสัตว์ เช่น บริการฉีดวัคซีน หรือ Mobile Grooming ภายในโครงการ ยังช่วยเติมเต็มความสุขและความผูกพันของผู้อยู่อาศัยได้อย่างลงตัว 3. ส่งเสริมสุขภาพกายและใจให้ผู้อยู่อาศัย อาจมีการร่วมมือกับสถาบันเพื่อสุขภาพหรือโรงพยาบาลในการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมด้านสุขภาพในโครงการ เช่น การคำนวณโภชนาการอาหาร การให้คำปรึกษาด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิต ช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกบ้านเข้าถึงบริการด้านสุขภาพได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถสร้างคอมมูนิตี้ที่ส่งเสริมสุขภาพภายในโครงการ เช่น กิจกรรมโยคะ ทำอาหารคลีน ออกกำลังกาย เป็นต้น 4. ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อยกระดับความปลอดภัย…

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ โชว์ผลประกอบการครึ่งปีแรก ทะลุ 9 ร้อยล้าน สะท้อนดีมานด์ Property Management โตต่อ

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เปิดเผยผลประกอบการครึ่งปีแรก 2568 ทำรายได้รวม 950 ลบ. เติบโต 10% จากปี 67 ครอบคลุมธุรกิจบริหารจัดการอสังหาฯครบวงจร และบริษัทในเครือ (ทัช พร็อพเพอร์ตี้ และ ลิฟ-24)   หน่วยธุรกิจทำรายได้สูงสุด 3 อันดับแรก คือ การจัดการด้านการอยู่อาศัย (Living Management), การบริหารจัดการอาคารเชิงพาณิชย์ (Facility Management) และ ลิฟ-24 (LIV-24)   พลัสฯ ประสบความสำเร็จจากกลยุทธ์การขยายตลาดและการเปิดตัวบริการใหม่ เช่น การรุกตลาดภูเก็ตที่เติบโตสูง และการต่อยอด LIV-24 สู่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม   ครึ่งปีหลัง เดินหน้าต่อ ผลักดันโมเดลบริหารอสังหาฯ แนวใหม่ “Pool Resource” บริหารทีมงานแบบแชร์ระหว่างโครงการ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดต้นทุนแรงงาน โดยยังคงมาตรฐานคุณภาพบริการอย่างเข้มข้น   นางสาวสุวรรณี มหณรงค์ชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ผลประกอบการครึ่งปีแรกเป็นไปตามเป้าหมาย ทำรายได้รวม 950 ล้านบาท เติบโตขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปี 67 สะท้อนความเชื่อมั่นของลูกค้าและศักยภาพตลาดบริการอสังหาริมทรัพย์ (Property Management) ที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริการหลังการขายซึ่งเป็นที่ต้องการสูงในกลุ่มโครงการพรีเมียม ทั้งในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวสำคัญ เช่น เชียงใหม่ หัวหิน และภูเก็ต ปัจจุบัน พลัสฯ ดูแลโครงการทั้งแนวราบ (Low Rise), แนวสูง (High Rise) และอาคารเชิงพาณิชย์ (Commercial Building) รวมทั้งสิ้น 440 โครงการ ครอบคลุมกว่า 100,000 ครอบครัว บนพื้นที่กว่า 20.2 ล้านตารางเมตร พร้อมต่อยอดบริการใหม่ๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของพอร์ตธุรกิจ สำหรับธุรกิจที่ทำรายได้สูงสุดในช่วงครึ่งปีแรก ได้แก่ การจัดการด้านการอยู่อาศัย (Living Management) หรืองานบริหารนิติบุคคลโครงการบ้านและคอนโด ทำรายได้ 580 ล้านบาท, การบริหารจัดการอาคารเชิงพาณิชย์ (Facility Management) ทำรายได้ 160 ล้านบาท และลิฟ-24 (LIV-24) บริการเทคโนโลยีความ ปลอดภัย และโซลูชั่นเพื่อยกระดับประสิทธิภาพธุรกิจทำรายได้ 70 ล้านบาท โดยบริการด้านนิติบุคคลและการบริหารอาคารยังคงมีดีมานด์สูงจากทั้งลูกค้าปัจจุบันและกลุ่มใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มที่มองหาผู้ดูแลโครงการใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ อีกทั้งแนวโน้มนี้ยังสอดรับกับการเติบโตของอาคารมิกซ์ยูสที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน LIV-24…

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ – แสนสิริ สานต่อโครงการ “พลัสฯก่อการดี” ตั้งธนาคารขยะ ส่งเสริมความยั่งยืน

บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ร่วมกับ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เดินหน้าขับเคลื่อนโครงการ “พลัสฯก่อการดี” ด้วยการจัดตั้ง “ธนาคารขยะ DSS GREEN PACT” ณ โรงเรียนเทพศิรินทร์ สมุทรปราการ เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการคัดแยกขยะรีไซเคิลในกลุ่มนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหารและคณะครูโรงเรียนฯ โดยตั้งเป้าหมายร่วมกันให้เกิดการแยกขยะประเภทพลาสติก โลหะ และขวดแก้ว รวม 500 กิโลกรัม ภายในปี 2568 ซึ่งจะช่วยลดปริมาณขยะฝังกลบและสร้างความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน พร้อมกันนี้ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ และแสนสิริ ได้สนับสนุนอุปกรณ์และระบบบริหารจัดการธนาคารขยะ อาทิ ระบบจัดเก็บข้อมูลการฝากขยะ บูธ “Waste to Worth” บอร์ดแสดงสถิติน้ำหนักขยะรีไซเคิลซึ่งผลิตจากวัสดุเหลือใช้จากโครงการก่อสร้าง และเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับจัดการข้อมูลขยะของธนาคารขยะภายในโรงเรียน การจัดตั้งธนาคารขยะในครั้งนี้ เป็นการต่อยอดจากกิจกรรมในปี 2567 ที่พลัสฯ เคยจัดอบรมให้ความรู้แก่สารวัตรนักเรียนโรงเรียนเทพศิรินทร์ พร้อมส่งมอบสถานีรีไซเคิล (Recycle Station) และจัดทำป้ายแยกขยะในพื้นที่โรงอาหาร เพื่อปลูกฝังวินัยการคัดแยกขยะที่ถูกต้องในชีวิตประจำวัน โครงการ DSS GREEN PACT ถือเป็นต้นแบบการผนึกกำลังระหว่างภาคเอกชน ภาคการศึกษา และเยาวชน ในการสร้างความรู้และลงมือปฏิบัติจริง ภายใต้แนวคิด “Waste to Worth – เปลี่ยนขยะให้มีคุณค่า” พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เพื่ออนาคตที่ดีของสังคมไทย ข่าวที่เกี่ยวข้อง พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จับมือ แสนสิริภูเก็ต และ The Society เก็บขยะริมหาดบางเทา ในงาน BEING Thailand พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ขับเคลื่อนอนาคตสีเขียว ปั้นมาตรฐานการบริหารจัดการอสังหาฯ อย่างยั่งยืน พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ตอบรับเทรนด์ Pet Parent พัฒนาบริการจัดการที่อยู่อาศัยเพื่อคนรักสัตว์ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญบริการอสังหาฯ ครบวงจร ที่ตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการ บริหารงานนิติบุคคลคอนโด หมู่บ้าน อาคารสถานที่ ที่ปรึกษางานขายโครงการ และตัวแทนซื้อ ขาย เช่า คอนโดมือสอง ด้วยทีมงานระดับคุณภาพกับประสบการณ์ที่มากกว่า 30 ปี เติมเต็มทุกความต้องการอย่างแท้จริง สนใจติดต่อเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02 688 7555 หรือ plus.co.th/contactus ค้นหาคอนโดที่คุณต้องการได้ที่นี่: คอนโดพร้อมอยู่, คอนโดให้เช่า, เช่าคอนโด, คอนโดทองหล่อ, ทรัพย์สินรอการขาย, บ้านหรู, คอนโดหรู ค้นหาบริการเพิ่มเติม: บริหารงานนิติบุคคลคอนโด, บริหารอาคารสถานที่, ที่ปรึกษางานขายโครงการ, ตัวแทนซื้อ ขาย เช่า คอนโดมือสอง , LIV-24 ศูนย์สังเกตการณ์ระบบรักษาความปลอดภัย