คอนโด
บ้านเดี่ยว
อพาร์ทเม้นท์
ทาวน์โฮม
ที่ดิน
โรงแรม
ออฟฟิศ
โรงงาน

ข่าวสารและบทความ

ที่นี่คุณสามารถรับรู้ข่าวสารและบทวิเคราะห์ใหม่ล่าสุดเกี่ยวกับวงการอสังหาริมทรัพย์

วิเคราะห์และเจาะลึกโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สูงด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย

บทความยอดนิยม

บทความล่าสุด

Filter Articles TH

5 GOOD PRACTICE มาตรฐานงานบริหารอาคาร เพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน

ในปัจจุบัน การบริหารและจัดการอาคารสถานที่ ที่เราใช้เป็นสถานที่ทำงานและประกอบกิจกรรมต่างๆของบุคคลและองค์กร ไม่ได้เพียงเพื่อให้อาคารใช้การได้และมีสภาพเหมาะสมเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย ทั้งความเสี่ยงและความปลอดภัยของผู้ใช้อาคาร รวมถึงค่าใช้จ่ายจำนวนมากในการดูแลรักษาที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์และมูลค่าของอาคาร นอกจากนี้การบริหารจัดการอาคารให้มีสภาพแวดล้อมที่ดี และเหมาะสมก็ช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของผู้ใช้อาคารให้สามารถสร้างผลผลิตของหน่วยงานได้เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้ใช้อาคารอีกด้วย พลัสฯ ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการอาคารและที่พักอาศัย มากว่า 25 ปี เราเข้าใจถึงความต้องการ ความซับซ้อนของอาคาร และการนำเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสานในอาคาร จึงได้นำมาตรฐานการปฏิบัติงานและวิทยาการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารและจัดการอาคารสถานที่ การตรวจสอบ และดูแลระบบวิศวกรรมอย่างรอบด้านและทุกมิติในทุกอุปกรณ์ ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลายและเป็นสากล (International Standard Practices) มาใช้ในการบริหารจัดการอาคาร โดยเฉพาะระบบวิศวกรรมถือว่าเป็นส่วนที่มีความสำคัญมากของอาคาร เพราะเป็นต้นทุนหลักอันส่งผลต่อค่าใช้จ่ายของอาคาร จึงได้มีการนำแนวคิดอายุการใช้งาน (Life cycle) ของอาคาร เครื่องจักรและอุปกรณ์มาพิจารณาและวิเคราะห์เพิ่มเติม ผนวกรวมกับแนวทางการปฏิบัติงาน เพื่อให้เกิดเป็นมาตรฐานที่ดีมีประสิทธิภาพและเป็นการพัฒนาไปสู่มาตรฐานการปฏิบัติงานที่มีความเป็นมืออาชีพเพิ่มมากขึ้น พลัสฯ ได้รวบรวมแนวทางการปฏิบัติงาน และมาตรฐานการปฏิบัติงานที่ดีจากต่างประเทศ ในหลายสมาคมและองค์กรชั้นนำด้านงานบริหารจัดการอาคารและการดูแลระบบวิศวกรรม มาใช้ประกอบเป็นแนวทางอ้างอิง เพื่อสร้างเป็นมาตรฐานทางการปฏิบัติงานที่ดีของพลัสฯ ในปัจจุบันมีมาตรฐานระดับองค์กรสากลที่นำมาใช้ ได้แก่ 1. International Facility Management Association (IFMA) เป็นสมาคมทางด้านการบริหารจัดการอาคารที่มีชื่อเสียงที่สุด ก่อตั้งในปี 2525 มีสาขาอยู่ในหลายทวีปมีสมาชิกมากกว่า 24,000 องค์กรทั่วโลก ถือเป็นเสาหลักของวงการ สมาคมมุ่งเน้นไปที่การสร้างระบบที่มีประสิทธิภาพในการใช้อาคารผ่านการวิจัยมาตรฐานในการปฏิบัติงาน และมีการออกตีพิมพ์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในรูปแบบหนังสือและนิตรสาร รวมทั้งยังมีการศึกษาอย่างต่อเนื่อง 2. Building Owners and Managers Association (BOMA) เป็นองค์กรที่รวบรวมสมาชิกด้านงานอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ (Commercial Real Estate) ประกอบด้วยเจ้าของอาคาร ผู้บริหารองค์กรต่างๆ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2450 มุ่งเน้นมาตรฐานในการบำรุงรักษากายภาพ สภาพแวดล้อม และอายุการใช้งานของอาคาร รวมถึงการบริหารจัดการพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด 3. American Society of Heating, Refrigerating and Air-Conditioning Engineers (ASHRAE) เป็นองค์กรเอกชนระหว่างประเทศที่มีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาระบบทำความร้อน ระบบระบายอากาศ ระบบปรับอากาศ และระบบทำความเย็นในอาคารที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุด ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2438 และเป็นองค์กรที่มีสมาชิกมากกว่า 54,000 สมาชิกทั่วโลก 4. Chartered Institution of Building Services Engineers (CIBSE) เป็นสมาคมวิศวกรรมระดับนานาชาติที่ตั้งอยู่ในสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นตัวแทนของวิศวกรในหลายสาขาอาชีพได้แก่ วิศวกรอาคาร, วิศวกรเครื่องกล, วิศวกรไฟฟ้า เป็นต้น ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2519 โดดเด่นด้านมาตรฐานทางวิศวกรรมเครื่องกล ไฟฟ้า และสถาปัตยกรรมอาคาร 5. Building Engineering Services…

The Success Recipe : เปิดสูตรลับสู่การเป็นผู้บริหารสายวิศวกรรมอาคารที่ช่างเทคนิคต้องรู้ (ตอนที่ 2)

จากจุดเริ่มต้นของเด็กอาชีวะสู่การทำงานในช่างเทคนิค ประสบการณ์การทำงานในสายงานบริหารวิศวกรรมอาคารอย่างโชกโชน การเปลี่ยนแปลงของโลก และเทคโนโลยีที่ต้องก้าวตามให้ทัน ในตอนที่ 1 นั้น (คลิกอ่านเรื่องราวก่อนหน้านี้ได้ที่นี่) ทำให้เรารู้ว่าเส้นทางสู่การได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารระดับสูงในตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริหารทรัพยากรอาคารและระบบวิศวกรรม บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ของคุณชาญ ศิริรัตน์ เกิดจากการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม และการเรียนรู้ ใฝ่รู้ และการเรียนรู้ที่ไม่หยุดนิ่ง ในตอนที่ 2 นี้ เราจะได้รู้อีกพาร์ทของพี่ชาญกัน อุปสรรค ปัญหา และบทเรียนอันล้ำค่า รวมถึงข้อคิด คำแนะนำจากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง ที่ช่างน้อยในตอนนี้ก็สามารถนำไปปฏิบัติตามกันได้ไม่ยาก โลกเปลี่ยน เราต้องเปลี่ยนตาม   “ตอนนั้นก็อายุ 40 กว่าแล้ว ยังต้องไปนั่งเรียนในห้องเรียนอีกครั้ง ซึ่งเป็นการได้ออกนอกกะลาของตนเอง และสิ่งที่ค้นพบจากการเปลี่ยนแปลงคือ โอกาส + ความพร้อม = ความสำเร็จ”   เมื่อต้องกลับสู่ห้องเรียนอีกครั้ง อายุ 40 แล้ว จะสู้เด็กๆ ได้ไหม? พี่ชาญเล่าให้ฟังว่าช่วงนั้นถือเป็นช่วงท้าทายของชีวิตเลยทีเดียว เพราะเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในยุคนั้น จากที่เคยใช้โทรศัพท์แบบมีปุ่มกด เริ่มเปลี่ยนมาเป็น iPhone ที่ใช้ระบบสัมผัส ไม่มีปุ่มให้กดเลยแม้แต่ปุ่มเดียว คอมพิวเตอร์ก็ฉลาดขึ้น มีโปรแกรม และแอปฟลิเคชั่นต่างๆ เกิดขึ้น ไหนจะระบบสัมผัส Home Automation PropTech IoT ที่ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยมากมาย ทำให้คิดว่าเราจะหยุดอยู่กับที่ไม่ได้อีกต่อไป เราต้องทำความเข้าใจกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น และสิ่งที่จะทำให้ “เข้าใจ” ได้ คือ การเรียนรู้เพิ่ม จึงเป็นที่มาของคำว่าต้องกลับไปเข้าห้องเรียนอีกครั้ง ครั้งนี้พี่ชาญเลือกศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่ตรงกับสายงานมากขึ้นในหลักสูตร Facility/Property Management ที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พี่ชาญเล่าให้ฟังอย่างขำขันว่า การเรียนรอบนี้เป็นการ “ได้ออกนอกกะลา” ของตัวเองมาก จากที่เคยคิดว่าตัวเองรู้ดีที่สุด และเชี่ยวชาญที่สุดในสายงานนี้ แต่ความจริงแล้วยังมีคนที่รู้กว่าเราอีกมากมาย เพราะครั้งนี้เรียนกับบรรดาผู้บริหารจากองค์กรอื่นทำให้ได้เปิดโลกทัศน์มากมาย ได้ฟังบรรดาด๊อกเตอร์มาสอน จนทำให้เราได้เปิดใจกว้าง ได้เรียนรู้ในหลายๆ มิติ ได้ฝึกการคิดวิเคราะห์ คือ การคิดให้ละเอียดในหลายแง่มุม จะมามัวนั่งแต่คิดว่าวิธีการทำงานของเราถูกที่สุดแล้ว ซึ่งมันไม่ใช่เลย และที่สำคัญทำให้ได้รู้ว่าขีดความสามารถ และการเรียนรู้ของตัวเองยังไปได้อีก แม้ว่าตัวเองจะอายุมากถึง 40 ปี แล้วก็ตาม อย่างที่ Steve Jobs ได้กล่าวเอาไว้ว่า “ชีวิตคือการสะสม Dot หรือจุด” พี่ชาญพยักหน้าเห็นด้วยกับประโยคนี้อย่างที่สุด เพราะเป็นสิ่งที่ตระหนักได้ว่า จริง มันเป็นเช่นนั้น เราต้องดูในหลายๆ มิติ เพราะเราไม่มีวันรู้หรอกว่าเราจะได้ใช้ความรู้เหล่านั้นเมื่อไร เมื่อเรามีจุด (ความรู้) ที่สะสมอยู่ เราก็ต้องกล้าที่จะนำมาใช้ด้วย เราต้องกล้าที่จะทำอะไรใหม่ๆ ต้องหาความรู้เพิ่มเติมตลอดเป็น Life-long learning…

กลยุทธ์การบริหารจัดการโครงการระดับ Luxury และ Super Luxury

เมื่อการอยู่อาศัยในคอนโดหรู บ้านหรู ได้รับการออกแบบเนรมิตความสวยงาม และความหรูหราได้เหนือชั้นเทียบเท่าโรงแรมระดับ 5-6 ดาวโดยผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ผ่านโครงการคอนโด บ้านเดี่ยว ระดับ “Luxury” และ “Super Luxury” เพื่อเติมเต็มความต้องการของผู้พักอาศัยในกลุ่มลูกค้าตลาดพรีเมียม การบริหารจัดการที่พักอาศัยต้องพัฒนาตัวเองอย่างไร ให้สามารถตอบสนองความต้องการ เพื่อที่จะครองใจลูกบ้านได้อย่างดีที่สุด รู้จักนิยามใหม่ของการบริหารจัดการโครงการหรู สู่การบริการเทียบเท่าระดับโรงแรมชั้นนำ กับทักษะ ความรู้ ความเชี่ยวชาญที่นักบริหารจัดการผู้พักอาศัยโครงการระดับลักชัวรีต้องมีได้ที่นี่ 1. รอบรู้ เชี่ยวชาญ ด้านการบริหารจัดการ LUXURY PROPERTY MANAGEMENT ผู้บริหารจัดการโครงการที่พักอาศัยจะมีหน้าที่หลักคือการดูแลรักษาพื้นที่ส่วนกลาง สิ่งอำนวยความสะดวก ลักษณะทางกายภาพ สภาพแวดล้อมภายในโครงการ รวมถึงทรัพย์สิน ของประดับตกแต่งระดับ Masterpiece โดยจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการบำรุงรักษาวัสดุ Material เฟอร์นิเจอร์ที่มีมูลค่าสูง หรือมีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน ให้คงความสวยงาม และคงสภาพเดิมตราบนานเท่านาน เพื่อรักษาภาพลักษณ์โครงการให้เป็น Timeless Property ส่งต่อเป็นมรดกจากรุ่นสู่รุ่นสืบไป โดยสามารถเพิ่มมูลค่าโครงการต่อไปในอนาคต ศาสตร์การบริหารจัดการโครงการหรูโดยผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Luxury Property Management ควรให้ความสำคัญเรื่องลักษณะทางกายภาพทั้งภายนอกโครงการ และภายในโครงการเป็นอย่างมาก เพราะเป็นสิ่งแรกที่มองเห็นได้ทันที ตัวอย่างการบริหารจัดการโดย Plus Living Management ที่ดูแลโครงการ บ้านไข่มุกหัวหิน คอนโดมิเนียมโครงการแรกของแสนสิริมาตั้งแต่เริ่มเปิดโครงการ จนปัจจุบันยังคงได้รับความเชื่อมั่นจากเจ้าของร่วมให้บริหารมาตลอดระยะเวลา 30 ปี เพราะเป็นโครงการที่ได้รับการดูแลอย่างดี พิถีพิถันในการบำรุงรักษา การเลือกวัสดุ รวมถึงการซ่อมแซมแม้ในจุดเล็กๆ ที่ไม่อาจมองข้าม อย่างการซ่อมแซมกระเบื้องโมเสกสีเหลืองมัสตาร์ดที่เป็นเอกลักษณ์ของโครงการ ก็ยังสั่งทำสีพิเศษเพื่อให้มีความใกล้เคียงของเดิมที่สุด เพื่อยังคงความคลาสสิคเสมือนวันแรก ทำให้มูลค่าโครงการเพิ่มขึ้นไปแล้วกว่า 10 เท่าตัวในปัจจุบัน กระเบื้องโมเสคสีเหลืองมัสตาร์ด โครงการบ้านไข่มุก โครงการระดับ Super Luxury แต่ละแห่งต่างก็มีความ Unique ที่แตกต่างกันไป ผู้บริหารโครงการต้องใส่ใจทุกรายละเอียด ศึกษาความเป็นมาตั้งแต่ลักษณะเฉพาะของวัสดุ หินอ่อน เนื้อไม้ กระเบื้อง สีที่ใช้ ของตกแต่งทุกชิ้น เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ เพื่อที่จะรู้วิธีการดูแลที่ถูกต้อง ไม่ไปทำให้วัสดุเสียหายหรือลดทอนคุณค่า อันเนื่องมาจากการขาดประสบการณ์ และไม่มีความรู้ในการดูแลที่ดีพอ ทีม Plus Living Management เมื่อได้รับหน้าที่ดูแลบริหารจัดการโครงการแล้ว ทีมงานจะศึกษารายละเอียดจาก Developer ผู้สร้างและออกแบบโครงการอย่างใกล้ชิด หากเป็นโครงการใหม่ที่ทีมสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมได้ตั้งแต่วันแรกจะสามารถร่วมกันพัฒนา และวางแผนการบำรุงรักษาได้จากแหล่งผลิตโดยตรง หรือหากเป็นโครงการที่เราได้เข้าไปบริหารจัดการต่อจากผู้บริหารโครงการชุดเดิม การส่งมอบรายละเอียดต่างๆ ทางทีมสนับสนุนส่วนกลางจาก Plus Living Management จะทำการศึกษา ลงลึกถึงวัสดุ ส่วนประกอบอาคาร โครงสร้าง และระบบวิศวกรรมอาคารในทุกจุดเช่นกัน ผลงานการดูแลโครงการคอนโดมิเนียมระดับ Luxury จาก…

รู้จักอาชีพ Living Solution ชีวิตการทำงานในแบบ พลัส พร็อพเพอร์ตี้

สมัครงานกับ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ บริษัท บริการอสังหาฯ ครบวงจร บริหารจัดการที่พักอาศัย คอนโด บ้านเดี่ยว อาคารสำนักงาน ธุรกิจตัวแทนอสังหาฯ ซื้อ ขาย เช่า รวมถึงให้คำปรึกษาแนวทางที่ดีที่สุดก่อนตัดสินใจพัฒนาโครงการ พร้อมเปิดรับคนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาเป็น Living Solution ด้วยกัน พลัส พร็อพเพอร์ตี้ Plus Property คือ บริษัทบริการอสังหาฯ ครบวงจร ด้วยประสบการณ์ที่มากกว่า 25 ปี เป็นผู้เชี่ยวชาญบริการอสังหาฯ ที่ตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการ เรามีที่ปรึกษามือชีพช่วยค้นหาบ้านที่ใช่ ให้นักลงทุนอสังหาฯ ได้ลงทุนอย่างมั่นใจ พร้อมดูแลบริหารจัดการด้านการอยู่อาศัยให้ลูกบ้านสุขสบาย บริการของบริษัทพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ประกอบไปด้วย PLUS LIVING MANAGEMENT บริการดูแลที่พักและบริหารจัดการ คอนโด หมู่บ้าน PLUS FACILITY MANAGEMENT บริการจัดการอาคารเชิงพาณิชย์ อาคารสำนักงาน PLUS BROKERAGE SERVICE บริการตัวแทน ซื้อ ขาย เช่า อสังหาฯ ผ่านที่ปรึกษามืออาชีพ PLUS SOLE AGENT ที่ปรึกษางานขายโครงการ บริหารการขาย และการตลาด RENTAL FOR THE HOLIDAYS Online Booking รวมคอนโดน่าเช่าในกรุงเทพ หัวหิน ภูเก็ต TOUCH BUILDING INSPECTION บริการตรวจสอบระบบวิศวกรรมอาคาร LIV-24 ศูนย์สังเกตการณ์ระบบรักษาความปลอดภัย และบริหารจัดการระบบวิศกรรมโครงการตลอด 24 ชม. เพราะความแตกต่างของทุกชีวิต คือ ความใส่ใจที่เรายึดถือมากว่า 25 ปี สู่มาตรฐานใหม่ของการบริการที่เข้าใจผู้อยู่อาศัย ลูกค้า นักลงทุน เป็น LIVING SOLUTION อย่างแท้จริง หนึ่งใน Key สำคัญที่ทำให้ในทุกบริการของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ประสบความสำเร็จ และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าชั้นนำให้บริหารโครงการมากกว่า 450+ โครงการ 87,000 ยูนิต รวมพื้นที่กว่า 15,000,000 ตารางเมตร คือ พนักงาน ที่เป็น PROFESSIONAL TALENT ในแต่ละสาขาหน้าที่ของตัวเอง Plus Property เราใส่ใจในการพัฒนาบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญในสายงานตนเอง และเสริมทักษะข้ามสายงานรอบด้าน พร้อมจัดให้มีการอบรมเสริมสร้างความรู้ ติดตาม ตรวจสอบ ทำงานร่วมกับระบบเก็บข้อมูล เพื่อวิเคราะห์และพัฒนาในสายงาน ให้ตอบโจทย์ทุกด้านบริการอสังหาฯ เราจัดตั้งสถาบัน…

ข่าวสารจากพลัสฯ

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ยืน 1 ผู้ให้บริการอสังหาฯ ครบวงจร คว้ารางวัล “Best Property Management” 2 ปีซ้อน

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ สร้างความสำเร็จอีกครั้ง! คว้ารางวัลในงาน Livinginsider Thailand Developer Awards 2025 สาขา “Best Property Management” สุดยอดผู้ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 สะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพและการรักษาคุณภาพในการส่งมอบบริการที่มีมาตรฐานและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง รางวัล Livinginsider Thailand Developer Awards 2025 จัดโดย Livinginsider ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ สำหรับการขาย-เช่าโครงการที่อยู่อาศัย เพื่อตอกย้ำการสนับสนุนและยกย่องผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยที่สร้างผลงานโดดเด่น พร้อมทั้งมีส่วนสำคัญในการยกระดับมาตรฐานและขับเคลื่อนวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน กว่า 28 ปี ที่พลัสฯ ดูแล บริหารจัดการอสังหาฯ ด้วยความมุ่งมั่นในการส่งมอบบริการที่ตอบโจทย์ทั้งคุณค่าในการลงทุนและการอยู่อาศัยที่มุ่งเน้นส่งเสริมคุณภาพชีวิต ปัจจุบัน พลัสฯ ดูแลโครงการทั้งสิ้น 440 โครงการ กว่า 100,000 ครอบครัว บนพื้นที่กว่า 20 ล้าน ตร.ม. ดูแลครอบคลุมทั้งโครงการที่อยู่อาศัยและอาคารเชิงพาณิชย์ ให้บริการด้านนิติบุคคลคอนโดและหมู่บ้าน บริการตรวจอาคารและระบบวิศวกรรมอาคาร รวมถึง บริการพลัส คอนเซียจ ที่พาร์ทเนอร์กับผู้ให้บริการด้านการอยู่อาศัย เช่น แม่บ้าน ทำสวน ซักผ้า ล้างแอร์ ฯลฯ เพื่อส่งมอบบริการให้ถึงมือลูกบ้านอย่างง่ายดาย และสามารถใช้ชีวิตได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้ ยังมีบริษัทในเครืออย่าง ลิฟ-24 (LIV-24) เข้ามาเติมเต็มการดูแลด้วยโซลูชันเทคโนโลยีอัจฉริยะ โดยใช้ AI (Artificial Intelligence) และ IoT (Internet of Things) ช่วยดูแลความปลอดภัยในทุกมิติ รวมถึงสามารถตรวจสอบเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์ ตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยศักยภาพด้านการให้บริการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร พลัสฯ ตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ด้วยมาตรฐานการทำงานระดับสากลที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO ทั้งระบบบริหารงานคุณภาพ (ISO 9001) ระบบบริหารทรัพยากรกายภาพ (ISO 41001) และระบบบริหารสิ่งแวดล้อม (ISO 14001) โดยเป็นผู้ให้บริการรายแรกและรายเดียวที่สามารถบูรณาการมาตรฐานดังกล่าวครอบคลุมทุกโครงการได้อย่างครบถ้วน และยังมีสถาบันฝึกอบรม Plus Eduplex ที่ผลิตบุคลากรคุณภาพปีละกว่า 4,000 คน ซึ่งเป็นอีกส่วนสำคัญที่ช่วยให้พลัสฯ สามารถรักษามาตรฐานและคุณภาพบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน พลัสฯ ยังต่อยอดประสบการณ์และความเข้าใจในความต้องการของผู้บริโภคสู่การพัฒนาบริการใหม่ เช่น “Plus Consultancy” ซึ่งเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการที่ปรึกษาเฉพาะเรื่องได้อย่างยืดหยุ่น ตอบโจทย์ลูกค้าที่มีทีมบริหารงานอยู่แล้ว แต่ต้องการคำปรึกษาเฉพาะส่วน นอกจากนี้ พลัสฯ ยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและการยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกบ้าน ผ่านการสร้างคอมมูนิตี้ที่ดีและมีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นการจัดกิจกรรมสำหรับสัตว์เลี้ยง การนำผักที่ปลูกภายในโครงการมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์มอบให้ลูกบ้าน หรือกิจกรรม Waste To Worth ในการคัดแยกขยะ ซึ่งดำเนินต่อเนื่องเข้าสู่ปีที่…

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เปิดกลยุทธ์หนุนธุรกิจ Property Management โตต่อครึ่งปีหลัง

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ มุ่งยกระดับการบริหารจัดการอสังหาฯ ด้วยกลยุทธ์ใหม่ครึ่งปีหลัง สร้างความมั่นใจจากลูกค้าด้วยคะแนนความพึงพอใจทะลุ 90% นางสาวสุวรรณี มหณรงค์ชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า หนึ่งในเทรนด์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่น่าสนใจในช่วงครึ่งปีหลังนี้ คือ ‘กลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง’ (real demand) เป็นกำลังซื้อหลักที่ขับเคลื่อนตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถือเป็น Game Changer จากอดีตที่กลุ่มนักลงทุนมีบทบาทสำคัญ ส่งผลให้ดีเวลลอปเปอร์ต้องหันมาเน้นการสร้างโครงการที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยจริง และมุ่งสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ คอมมูนิตี้คุณภาพ ไปจนถึงบริการหลังการขาย นอกจากนี้ ยังพบว่ากลุ่มลูกค้าที่เลือกคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะผู้ที่อยู่อาศัยคนเดียวหรือคนโสด ให้ความสำคัญไม่เพียงแค่กับทำเลและงบประมาณที่เหมาะสม แต่ยังคำนึงถึงบริการหลังการขายด้วย เพราะต้องการความมั่นใจด้านความปลอดภัยและคุณภาพการดูแลหลังเข้าอยู่อาศัย เห็นได้ชัดว่าบริการหลังการขาย มีส่วนในการตัดสินใจซื้อและเป็นกุญแจสำคัญที่จะพลิกเกมการแข่งขันให้ธุรกิจอสังหาฯได้ในระยะยาว พลัสฯ เราในฐานะ Property Management ที่เป็นผู้ให้บริการจัดการด้านการอยู่อาศัย มุ่งมั่นที่จะพัฒนาต่อเนื่องเพื่อสามารถให้บริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างในแต่ละยุคสมัย สะท้อนภาพความสำเร็จผ่านผลการประเมินความพึงพอใจจากลูกค้าที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี โดยครึ่งปีแรกนี้ พลัสฯ สามารถคว้าคะแนนความพึงพอใจของลูกค้าได้สูงถึง 90.8% เพิ่มขึ้นจากปี 67 ที่ได้คะแนน 90.1% และปี 66 ที่ได้คะแนน 89.4% สะท้อนถึงการรับฟังเสียงของลูกค้าและนำมาพัฒนาบริการได้จริง โดยมิติการบริการที่ลูกค้าให้คะแนนพึงพอใจสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ การบริการของพนักงาน การให้ความช่วยเหลือของพนักงาน และการดูแลพื้นที่ส่วนกลาง สอดคล้องกับดีเอ็นเอของพลัสฯ ที่ยึดมั่นในมาตรฐานการบริหารและการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าในทุกขั้นตอน นอกจากนี้ พลัสฯ ยังได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าให้ดูแลโครงการต่อเนื่องยาวนาน โดยมีโครงการที่พลัสฯ บริหารต่อเนื่องเกิน 10 ปี ถึง 113 โครงการ ในที่นี้ มีโครงการที่ดูแลยาวนานมากกว่า 20 ปี ถึง 13 โครงการ โดยมีไฮไลท์ที่โดดเด่น เช่น โครงการบ้านไข่มุก ของแสนสิริ ที่พลัสฯ ดูแลมากกว่า 30 ปี มีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 1,000% จากการดูแลรักษาและบริหารคุณภาพอย่างต่อเนื่อง เปิด 6 กลยุทธ์หลัก เบื้องหลังความสำเร็จที่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า 1. ระบบการทำงานที่มีมาตรฐาน พลัสฯ ใช้มาตรฐานการทำงานระดับสากล ครอบคลุมทุกโครงการ 100% ทั้งการดูแลเชิงกายภาพเพื่อให้พื้นที่ส่วนกลางสวยงามและมีมูลค่าเพิ่มตามกาลเวลา การวางกฎระเบียบที่ชัดเจน การมีแผนรับมือเหตุฉุกเฉิน มีทีมสนับสนุน เช่น ฝ่ายบัญชี ฝ่ายกฎหมาย และ Call Center คอยรับเรื่องร้องเรียน เพื่อนำไปพัฒนาปรับปรุงอยู่เสมอ 2. มองเทรนด์ตลาด สร้างโมเดลและธุรกิจใหม่ ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ เรามองเทรนด์ตลาดและความต้องการของลูกค้าจากข้อมูลจริง และมองหาโซลูชันหรือบริการใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ลูกค้า เช่น โมเดลบริหารงานแบบ Pool Resource…

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ปิดดีลการประกวดราคากลุ่มอาคารสิริ แคมปัส มูลค่า 2,400 ล้านบาท

บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้นำด้านการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ประกาศความสำเร็จจากการปิดดีลการประกวดราคากลุ่มอาคารสิริ แคมปัส (Siri Campus) ซึ่งเป็นกลุ่มอาคารสำนักงาน ในโซนพระโขนง-สุขุมวิท ซึ่งประกอบด้วย 5 อาคาร คือ อาคารสำนักงาน 6 ชั้นจำนวน 3 หลัง, อาคารสำนักงานพาณิชย์ (ร้านค้า) 6 ชั้น จำนวน 1 หลัง, อาคารสำนักงานพาณิชย์ และพื้นที่จอดรถยนต์ 7 ชั้น จำนวน 1 หลัง ตั้งอยู่บนที่ดินเนื้อที่ 7-1-42.2 ไร่ ภายในโครงการ T77 ซอยอ่อนนุช 1/1 (ถนนสุขุมวิท 77) กรุงเทพมหานคร มีพื้นที่ให้เช่ารวม 19,602 ตารางเมตร และพื้นที่ใช้สอยรวม 31,862 ตารางเมตร พร้อมพื้นที่จอดรถจำนวน 337 คัน ปัจจุบันมีรายได้จากค่าเช่าประมาณ 150 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้รับความไว้วางใจจาก บริษัท เอสพีวี 77 จำกัด (SPV77) ผู้ออกโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนสิริฮับ (“โครงการ”) แต่งตั้งให้เป็นตัวแทนนายหน้าซื้อขายทรัพย์สิน (Selling Agent) อย่างเป็นทางการ เพื่อดำเนินการจำหน่ายกลุ่มอาคารสิริ แคมปัส ตามข้อกำหนดและเงื่อนไขตามหนังสือชี้ชวนของโครงการ ซึ่งกำหนดให้ผู้ออกโทเคนดิจิทัลดำเนินการจำหน่ายกลุ่มอาคารสิริ แคมปัส เพื่อจัดสรรส่วนแบ่งรายได้จากการจำหน่ายและปิดโครงการภายใต้เงื่อนไขและระยะเวลาที่กำหนด การประกวดราคาเสร็จสิ้นไปเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ที่ผ่านมา ในราคาเสนอซื้อรวมทั้งสิ้น 2,400 ล้านบาท ซึ่งราคาดังกล่าวสะท้อนถึงมูลค่าทรัพย์สินในระยะยาว ซึ่งอยู่ในทำเลที่ตั้งที่มีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตและรวดเร็วในโซนพระโขนง–อ่อนนุช-สุขุมวิทตอนปลาย อีกทั้งยังเป็นจุดเชื่อมระหว่างใจกลางเมือง (สุขุมวิทตอนต้น) และพื้นที่นอกเมือง การเดินทางสะดวกทั้งจุดขึ้น-ลง ทางด่วน และรถไฟฟ้า BTS สถานีพระโขนงและอ่อนนุช ตอบโจทย์การเป็นอาคารสำนักงานที่เข้าถึงง่าย ทำเลโดยรอบครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้ง ฮาบิโตะ คอมมูนิตี้มอลล์ แหล่งรวมร้านค้า คาเฟ่ พื้นที่พักผ่อน และ โรงเรียนนานาชาติบางกอกเพรพ ตลอดจนบริเวณโครงการ T77 ที่ได้รับการพัฒนาเป็นคอมมูนิตี้ที่เพียบพร้อมด้วยโครงการที่อยู่อาศัย และพื้นที่สีเขียว ซึ่งช่วยเสริมบรรยากาศการพักผ่อน และตอกย้ำความเป็นทำเลที่ผสานการใช้ชีวิต การอยู่อาศัย และการทำงานได้อย่างสมดุล อาคารสำนักงานมีพื้นที่กว้างขวาง ร่มรื่น มีรูปแบบและกายภาพอาคาร ทั้งสภาพแวดล้อมภายในและภายนอกที่สนับสนุนการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ การปิดดีลการประกวดราคาในครั้งนี้ จึงนับเป็นความสำเร็จอีกก้าวของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ในบทบาทการเป็นตัวแทนนายหน้าซื้อขายทรัพย์สิน ดำเนินการสรรหาผู้ลงทุนที่มีศักยภาพอย่างรอบคอบ โปร่งใส และคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของผู้ถือโทเคนดิจิทัลเป็นสำคัญ ภายใต้การดูแลของทรัสตีและผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล…

เจาะพฤติกรรมการอยู่อาศัยของคนโสด และผู้สูงวัยยุคใหม่

หากมองให้ลึกถึงภาพใหญ่ของสังคมไทยในตอนนี้ จะเห็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างประชากรที่กำลังเกิดขึ้นแบบเงียบ ๆ แต่ทรงพลัง ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2567 ระบุว่า คนวัยทำงานไทย (15–49 ปี) กว่า 40.5% เป็นคนโสด ทำให้การใช้ชีวิตคนเดียวกลายเป็นทางเลือกที่มีมากขึ้น สะท้อนถึงแนวโน้มที่เรียกว่า Solo Economy ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของการใช้ชีวิต แต่รวมถึงการบริโภค การเดินทาง การเลือกที่อยู่อาศัย และการเข้าถึงบริการที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับคนที่ใช้ชีวิตคนเดียวมากขึ้น ในขณะเดียวกัน สังคมไทยก็กำลังก้าวสู่การเป็น “สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์” และอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จะกลายเป็น Super Aged Society หรือ “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด” โดยในปี 2573 ประชากรไทยกว่า 20% จะมีอายุเกิน 60 ปี และในปี 2593 ประชากรวัยทำงานจะหายไปกว่า 11 ล้านคน เมื่อโครงสร้างประชากรเปลี่ยนไป พฤติกรรมการใช้ชีวิตก็เปลี่ยนตาม ทั้งนี้ “การอยู่อาศัย” คือหนึ่งในมิติสำคัญที่สะท้อนความเปลี่ยนแปลงนี้ได้อย่างชัดเจน พฤติกรรมในการอยู่อาศัยของกลุ่มคนโสด ต้องการคุณภาพชีวิตที่ดี มีความเป็นส่วนตัว ปลอดภัย สะดวกสบาย และมีคอมมูนิตี้ที่มีคุณภาพและพร้อมให้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งได้ ส่วนกลุ่มผู้สูงวัยให้ความสำคัญกับสุขภาพ ความปลอดภัย และการมีระบบดูแลรองรับเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน พร้อมพื้นที่ที่เอื้อต่อสุขภาวะทั้งกายและใจ ในฐานะผู้ให้บริการด้านบริหารจัดการที่อยู่อาศัย เราไม่เพียงมองถึงการดูแลโครงการให้ได้มาตรฐาน แต่ยังมองไปถึงคุณภาพชีวิตและการอยู่อาศัย ยิ่งในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ผู้ประกอบการก็ต้องปรับตัวให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงนั้นอยู่เสมอ วันนี้จึงอยากจะขอแนะนำ 5 แนวทางในการจัดการโครงการที่อยู่อาศัย (Property Management) ให้สอดรับกับความต้องการของกลุ่มคนโสดและผู้สูงวัย ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ดังต่อไปนี้ 1. จัดการข้อมูลเชิงลึกของผู้อยู่อาศัย เช่น บ้านไหนมีผู้สูงวัย ผู้ที่อาศัยอยู่คนเดียว หรือมีภาวะต้องดูแลเป็นพิเศษ โดยควรออกแบบเป็นระบบ Data Centre ที่สามารถอัปเดตข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ และใช้งานร่วมกันระหว่างทีมงานที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อจัดเก็บ แต่เพื่อนำไปใช้ในการดูแลอย่างรู้บริบท อาทิ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น การลื่นล้มหรืออาการเจ็บป่วยกะทันหัน ทีมงานที่มีข้อมูลอยู่แล้วจะสามารถเข้าถึงและให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที ลดความเสี่ยงและเพิ่มความอุ่นใจให้กับลูกบ้านอย่างแท้จริง 2. ออกแบบพื้นที่และคอมมูนิตี้ให้ตอบโจทย์กลุ่ม Pet Parent ทั้งคนโสดและผู้สูงวัยจำนวนไม่น้อยในปัจจุบัน เลี้ยงสัตว์เสมือนสมาชิกครอบครัว ทำให้โครงการที่อยู่อาศัยจำเป็นต้องออกแบบพื้นที่ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์นี้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโซนสัตว์เลี้ยง สนามหญ้า ทางเดินเฉพาะ การจัดการขยะ รวมถึงกฎระเบียบที่ชัดเจนด้านความสะอาดและความปลอดภัย ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญในการอยู่ร่วมกันอย่างมีคุณภาพ นอกจากนี้ การสร้างคอมมูนิตี้ผ่านกิจกรรมสำหรับกลุ่มคนรักสัตว์ เช่น บริการฉีดวัคซีน หรือ Mobile Grooming ภายในโครงการ ยังช่วยเติมเต็มความสุขและความผูกพันของผู้อยู่อาศัยได้อย่างลงตัว 3. ส่งเสริมสุขภาพกายและใจให้ผู้อยู่อาศัย อาจมีการร่วมมือกับสถาบันเพื่อสุขภาพหรือโรงพยาบาลในการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมด้านสุขภาพในโครงการ เช่น การคำนวณโภชนาการอาหาร การให้คำปรึกษาด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิต ช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกบ้านเข้าถึงบริการด้านสุขภาพได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถสร้างคอมมูนิตี้ที่ส่งเสริมสุขภาพภายในโครงการ เช่น กิจกรรมโยคะ ทำอาหารคลีน ออกกำลังกาย เป็นต้น 4. ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อยกระดับความปลอดภัย…

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ โชว์ผลประกอบการครึ่งปีแรก ทะลุ 9 ร้อยล้าน สะท้อนดีมานด์ Property Management โตต่อ

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เปิดเผยผลประกอบการครึ่งปีแรก 2568 ทำรายได้รวม 950 ลบ. เติบโต 10% จากปี 67 ครอบคลุมธุรกิจบริหารจัดการอสังหาฯครบวงจร และบริษัทในเครือ (ทัช พร็อพเพอร์ตี้ และ ลิฟ-24)   หน่วยธุรกิจทำรายได้สูงสุด 3 อันดับแรก คือ การจัดการด้านการอยู่อาศัย (Living Management), การบริหารจัดการอาคารเชิงพาณิชย์ (Facility Management) และ ลิฟ-24 (LIV-24)   พลัสฯ ประสบความสำเร็จจากกลยุทธ์การขยายตลาดและการเปิดตัวบริการใหม่ เช่น การรุกตลาดภูเก็ตที่เติบโตสูง และการต่อยอด LIV-24 สู่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม   ครึ่งปีหลัง เดินหน้าต่อ ผลักดันโมเดลบริหารอสังหาฯ แนวใหม่ “Pool Resource” บริหารทีมงานแบบแชร์ระหว่างโครงการ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดต้นทุนแรงงาน โดยยังคงมาตรฐานคุณภาพบริการอย่างเข้มข้น   นางสาวสุวรรณี มหณรงค์ชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ผลประกอบการครึ่งปีแรกเป็นไปตามเป้าหมาย ทำรายได้รวม 950 ล้านบาท เติบโตขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปี 67 สะท้อนความเชื่อมั่นของลูกค้าและศักยภาพตลาดบริการอสังหาริมทรัพย์ (Property Management) ที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริการหลังการขายซึ่งเป็นที่ต้องการสูงในกลุ่มโครงการพรีเมียม ทั้งในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวสำคัญ เช่น เชียงใหม่ หัวหิน และภูเก็ต ปัจจุบัน พลัสฯ ดูแลโครงการทั้งแนวราบ (Low Rise), แนวสูง (High Rise) และอาคารเชิงพาณิชย์ (Commercial Building) รวมทั้งสิ้น 440 โครงการ ครอบคลุมกว่า 100,000 ครอบครัว บนพื้นที่กว่า 20.2 ล้านตารางเมตร พร้อมต่อยอดบริการใหม่ๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของพอร์ตธุรกิจ สำหรับธุรกิจที่ทำรายได้สูงสุดในช่วงครึ่งปีแรก ได้แก่ การจัดการด้านการอยู่อาศัย (Living Management) หรืองานบริหารนิติบุคคลโครงการบ้านและคอนโด ทำรายได้ 580 ล้านบาท, การบริหารจัดการอาคารเชิงพาณิชย์ (Facility Management) ทำรายได้ 160 ล้านบาท และลิฟ-24 (LIV-24) บริการเทคโนโลยีความ ปลอดภัย และโซลูชั่นเพื่อยกระดับประสิทธิภาพธุรกิจทำรายได้ 70 ล้านบาท โดยบริการด้านนิติบุคคลและการบริหารอาคารยังคงมีดีมานด์สูงจากทั้งลูกค้าปัจจุบันและกลุ่มใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มที่มองหาผู้ดูแลโครงการใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ อีกทั้งแนวโน้มนี้ยังสอดรับกับการเติบโตของอาคารมิกซ์ยูสที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน LIV-24…

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ – แสนสิริ สานต่อโครงการ “พลัสฯก่อการดี” ตั้งธนาคารขยะ ส่งเสริมความยั่งยืน

บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ร่วมกับ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เดินหน้าขับเคลื่อนโครงการ “พลัสฯก่อการดี” ด้วยการจัดตั้ง “ธนาคารขยะ DSS GREEN PACT” ณ โรงเรียนเทพศิรินทร์ สมุทรปราการ เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการคัดแยกขยะรีไซเคิลในกลุ่มนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหารและคณะครูโรงเรียนฯ โดยตั้งเป้าหมายร่วมกันให้เกิดการแยกขยะประเภทพลาสติก โลหะ และขวดแก้ว รวม 500 กิโลกรัม ภายในปี 2568 ซึ่งจะช่วยลดปริมาณขยะฝังกลบและสร้างความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน พร้อมกันนี้ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ และแสนสิริ ได้สนับสนุนอุปกรณ์และระบบบริหารจัดการธนาคารขยะ อาทิ ระบบจัดเก็บข้อมูลการฝากขยะ บูธ “Waste to Worth” บอร์ดแสดงสถิติน้ำหนักขยะรีไซเคิลซึ่งผลิตจากวัสดุเหลือใช้จากโครงการก่อสร้าง และเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับจัดการข้อมูลขยะของธนาคารขยะภายในโรงเรียน การจัดตั้งธนาคารขยะในครั้งนี้ เป็นการต่อยอดจากกิจกรรมในปี 2567 ที่พลัสฯ เคยจัดอบรมให้ความรู้แก่สารวัตรนักเรียนโรงเรียนเทพศิรินทร์ พร้อมส่งมอบสถานีรีไซเคิล (Recycle Station) และจัดทำป้ายแยกขยะในพื้นที่โรงอาหาร เพื่อปลูกฝังวินัยการคัดแยกขยะที่ถูกต้องในชีวิตประจำวัน โครงการ DSS GREEN PACT ถือเป็นต้นแบบการผนึกกำลังระหว่างภาคเอกชน ภาคการศึกษา และเยาวชน ในการสร้างความรู้และลงมือปฏิบัติจริง ภายใต้แนวคิด “Waste to Worth – เปลี่ยนขยะให้มีคุณค่า” พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เพื่ออนาคตที่ดีของสังคมไทย ข่าวที่เกี่ยวข้อง พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จับมือ แสนสิริภูเก็ต และ The Society เก็บขยะริมหาดบางเทา ในงาน BEING Thailand พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ขับเคลื่อนอนาคตสีเขียว ปั้นมาตรฐานการบริหารจัดการอสังหาฯ อย่างยั่งยืน พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ตอบรับเทรนด์ Pet Parent พัฒนาบริการจัดการที่อยู่อาศัยเพื่อคนรักสัตว์ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญบริการอสังหาฯ ครบวงจร ที่ตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการ บริหารงานนิติบุคคลคอนโด หมู่บ้าน อาคารสถานที่ ที่ปรึกษางานขายโครงการ และตัวแทนซื้อ ขาย เช่า คอนโดมือสอง ด้วยทีมงานระดับคุณภาพกับประสบการณ์ที่มากกว่า 30 ปี เติมเต็มทุกความต้องการอย่างแท้จริง สนใจติดต่อเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02 688 7555 หรือ plus.co.th/contactus ค้นหาคอนโดที่คุณต้องการได้ที่นี่: คอนโดพร้อมอยู่, คอนโดให้เช่า, เช่าคอนโด, คอนโดทองหล่อ, ทรัพย์สินรอการขาย, บ้านหรู, คอนโดหรู ค้นหาบริการเพิ่มเติม: บริหารงานนิติบุคคลคอนโด, บริหารอาคารสถานที่, ที่ปรึกษางานขายโครงการ, ตัวแทนซื้อ ขาย เช่า คอนโดมือสอง , LIV-24 ศูนย์สังเกตการณ์ระบบรักษาความปลอดภัย