รวมเรื่องควรรู้ พร้อมรับมือ โควิด-19

29 เม.ย. 2021 เคล็ดลับการอยู่อาศัย


นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 เกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2019 และยังคงเพิ่มขึ้นอีกครั้งในปัจจุบัน โดยยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่าย ๆ ในเร็ว ๆ นี้ เราควรมีความรู้ที่ถูกต้องเพื่อรับมือป้องกันตัวเอง และคนรอบข้างจากโรคระบาดนี้ พลัสฯได้เป็นห่วงความปลอดภัยของลูกบ้านทุกคน จึงรวมรวบข้อมูลเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ทั้งหมดที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน เพื่อที่ทุกคนจะได้มีความรู้ และมีวิธีการดูแลตัวเองที่ถูกต้อง ไว้ต่อสู้กับเชื้อไวรัสต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย

โควิด-19 (COVID-19) ติดมาจากทางไหนได้บ้าง ?

เชื้อโควิดนั้นสามารถแพร่จากคนสู่คน ผ่านทางละอองน้ำมูก น้ำลาย ซึ่งแพร่ออกมาในขณะที่ผู้ติดเชื้อไอ จาม หรือพูด ทำให้ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดนั้นได้หายใจนำละอองเหล่านี้เข้าไปในร่างกาย เพราะฉะนั้นการรักษาระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 1 เมตร และสวมใส่หน้ากากอนามัย จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยป้องกัน COVID-19 ได้ในข้างต้น

นอกจากนี้ละอองที่มีเชื้อโควิด ถ้าตกลงสู่วัตถุและพื้นผิวต่าง ๆ เช่นราวบันได ลูกบิดประตู โต๊ะ ก็สามารถทำให้ติดเชื้อ COVID-19 ได้ หากเรานำมือไปสัมผัสสิ่งเหล่านั้นแล้วมาจับตา จมูกหรือปาก นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมเราจึงต้องหมั่นล้างมือด้วยสบู่ หรือใช้สเปรย์แอลกอฮอล์ หรือเจลแอลกอฮอล์เช็ดมืออยู่เสมอ

เชื้อโควิด-19 อยู่ได้นานเท่าไหร่?

เชื้อโควิดที่ถูกแพร่ออกมาแล้วนั้น จะสามารถอยู่บนสิ่งของต่าง ๆ ได้นานตั้งแต่ 5 นาที ไปจนถึง 1 เดือน ! ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม สภาพพื้นผิว และอุณหภูมิ มาดูกันว่าเชื้อโควิด-19 จะสามารถอยู่ได้นานเท่าไหร่ในสภาพแวดล้อมดังต่อไปนี้
  • ในอากาศพื้นที่โล่ง เชื้อโควิดจะอยู่ในละอองสารคัดหลั่ง (ไอ จาม น้ำลาย เหงื่อ) ได้นาน 5 นาที
  • ในอากาศห้องพื้นที่ปิด เชื้อโควิดจะอยู่ในละอองสารคัดหลั่ง (ไอ จาม น้ำลาย เหงื่อ) ได้นาน 3 ชั่วโมง
  • บนกระดาษแข็ง เช่น กล่องพัสดุ หนังสือ ปฏิทิน แก้วกระดาษ เชื้อโควิดจะอยู่ได้นานถึง 24 ชั่วโมง
  • บนพลาสติกหรือสแตนเลส เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ลูกบิดประตู ราวบันได ปุ่มกดที่ตู้อัตโนมัติต่าง ๆ เชื้อโควิดจะอยู่ได้นาน 2-3 วัน
  • บนเสื้อผ้าหรือทิชชู่ เชื้อโควิดจะอยู่ได้ราว 8-12 ชั่วโมง
  • ในน้ำ เชื้อโควิดจะอยู่ได้นาน 4 วัน
  • ในตู้เย็นหรือที่ที่มีอุณหภูมิตำกว่า 4 องศาเซลเซียส เชื้อโควิดอาจจะมีชีวิตได้นานถึง 1 เดือน


โควิด-19 คือ เชื้อไวรัสไข้หวัดธรรมดาหรือไม่ ร้ายแรงขนาดไหน?

โควิด-19 หรือเชื้อไวรัสโคโรนาไม่ใช่ไข้หวัดธรรมดา แต่เกิดการกลายพันธุ์และเชื้อร้ายแรงขึ้น เพราะเป็นไวรัสที่ไม่มีชีวิตแต่มีรหัสโค้ดเป็น RNA ซึ่งอยู่ในนิวเคลียส เมื่อผ่านเข้าไปในร่างกาย มันจะไปหลอกให้ร่างกาย Copy สร้างตัว RNA จำนวนมหาศาล อยู่ในเซลล์ของร่างกาย ทำให้เซลล์ทำงานไม่ได้

เชื้อโควิดนั้นร้ายแรงเป็นเพราะ เมื่อได้รับเชื้อไปภายใน 5 วัน จะผ่านเข้าไปทางจมูก ปาก เยื่อบุตา และเป็นตัวเชื้อที่กระจายไปยัง ปอด หัวใจ ตับ สมอง พื้นผิวลำไส้ และระบบหลอดเลือด ทำให้คนไข้มีอาการของโรคแตกต่างกันออกไป

ขอบคุณข้อมูลจาก รศ.พญ. ลำดวน วงศ์สวัสดิ์
คลิกดู VDO ฉบับเต็ม

เช็ค! อาการเสี่ยง “โควิด 19” อาการเดิม / ระลอกใหม่ เป็นอย่างไร?

มาดูอาการโควิดเบื้องต้น เช็คว่าตัวเราเข้าข่ายหรือไม่ อาการของคนที่ติดเชื้อโควิดนั้น ในช่วงระยะการระบาดในรอบแรก ๆ นั้น จะมีอาการไข้ขึ้นสูงติดต่อกัน 48 ชม. รู้สึกปวดหัว มีอาการไอแห้งหรือมีเสมหะ เจ็บคอ ไม่มีแรง หายใจลำบาก และอาการบ่งชี้ที่สำคัญ คือ 

ลิ้นไม่รับรส จมูกไม่ได้กลิ่น เกิดขึ้นพร้อมกันกับอาการที่ได้กล่าวไปแล้วนั้นให้ไปตรวจหาเชื้อโควิดทันทีเพราะเป็นอาการที่ชัดว่าเข้าข่ายเป็นโควิด-19

มาดู อาการโควิดเบื้องต้น เช็คว่าตัวเราเข้าข่ายหรือไม่ อาการของคนที่ติดเชื้อโควิดนั้น ในช่วงระยะการระบาดในรอบแรก ๆ นั้น จะมีอาการไข้ขึ้นสูงติดต่อกัน 48 ชม. รู้สึกปวดหัว มีอาการไอแห้งหรือมีเสมหะ เจ็บคอ ไม่มีแรง หายใจลำบาก และอาการบ่งชี้ที่สำคัญ คือ 

ลิ้นไม่รับรส จมูกไม่ได้กลิ่น เกิดขึ้นพร้อมกันกับอาการที่ได้กล่าวไปแล้วนั้นให้ไปตรวจหาเชื้อโควิดทันทีเพราะเป็นอาการที่ชัดว่าเข้าข่ายเป็นโควิด-19

ส่วนอาการโควิดแบบใหม่ เนื่องจากเชื้อมีการกลายพันธุ์ รวมทั้งรับเชื้อโควิดสายพันธุ์ที่มาจากต่างประเทศ ทำให้เชื้อโควิดระลอก 3 ที่มีการแพร่ระบาดล่าสุดในประเทศไทยช่วงเดือนเมษายน 2021 นั้น พบผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการจำนวนมาก ในรายผู้ที่ติดเชื้อที่แสดงอาการ จะมีอาการตาแดง แต่ไม่มีไข้ ในบางรายอาจมีผื่นขึ้นร่วมด้วย


วิธีป้องกันโควิดเบื้องต้นที่เราทำได้

ข้อมูลจาก รศ.พญ. ลำดวน วงศ์สวัสดิ์ กล่าวว่า เมื่อได้รับเชื้อโควิดผ่านเข้าไปในร่างกาย จะป่วยหรือไม่ป่วยนั้นขึ้นอยู่กับตัวเรา ว่ามีภูมิคุ้มกันมากน้อยแค่ไหน ถ้าเรามีภูมิคุ้มกันมาก จะเป็นผลดีต่อร่างกาย เราจะไม่ป่วย ไม่มีอาการ แต่หากมีปานกลาง หรือ ภูมิต่ำ เราจะป่วย หากป่วยมากก็จะทำให้เสียชีวิตได้

ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ จะมีโอกาสเสี่ยงเสียชีวิตได้ โดยผู้ที่มีภูมิต่ำ ได้แก่ 

  • ผู้สูงอายุเกิน 65 ปี 

  • คนที่มีความเครียด ไม่ได้พักผ่อน ไม่ได้ออกกำลังกาย ได้รับอากาศ อาหารที่ไม่ดี อุจจาระไม่ออก

  • คนที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคปอด หอบหืด เบาหวาน ความดัน โรคไต ตับ 

  • ผู้ที่มีระบบทางเดินอาหารไม่สมดุล รวมทั้งตับ ถุงน้ำดี และระบบน้ำเหลือง

เชื้อไวรัสโควิด-19 นั้นสามารถติดต่อผ่านทางลมหายใจ สารคัดหลั่งอย่าง น้ำมูก น้ำลาย เพราะฉะนั้น ควรใส่หน้ากากอนามัยป้องกันเมื่ออยู่ในที่สาธารณะหรืออยู่ใกล้ชิดกับผู้อื่น

ปิดปากและจมูกเมื่อจามหรือไอ ปิดปากและจมูกด้วยกระดาษทิชชู่ทุกครั้งที่จามหรือไอ จากนั้นก็ให้ทิ้งทันที เพราะฝอยละอองจากการจามหรือไอเป็นตัวแพร่เชื้อไวรัสชั้นดี ซึ่งหากคุณทำตามนี้แล้วก็จะป้องกันผู้คนรอบข้างไม่ให้ติดไข้ ติดหวัด หรือติด COVID-19 จากคุณได้

และเชื้อนั้นยังมาจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เพราะฉะนั้น งดอาหารดิบอย่างซาชิมิ งดได้งดไปก่อน เนื้อสัตว์ป่า และทานอาหารที่ปรุงสุกแล้วเท่านั้น

หมั่นล้างมือหรือเช็ดด้วยแอลกอฮอล์ทุกครั้ง

  • เมื่อสัมผัสสิ่งของจากข้างนอก อย่างลูกบิดประตู ปุ่มกดลิฟต์ ตู้ ATM เป็นต้น 

  • หลังจากใช้มือปิดปาก เวลา จาม หรือไอ

  • หลังใช้ห้องน้ำ

  • ก่อนและหลังรับประทานอาหาร

งดเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงถ้าไม่จำเป็น

หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีผู้คนอยู่เป็นจำนวนมากและรักษาระยะห่างจากผู้คน

ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูกและปาก ถ้าไม่จำเป็น เพราะเป็นที่ที่ทำให้เชื้อไวรัสเข้าไปในร่างกายได้

ไม่ใช้สิ่งของร่วมกันกับผู้อื่น อย่างผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ หลอด ฯลฯ

ใช้ช้อนกลาง เวลารับประทานอาหารร่วมกับคนอื่น แต่ในช่วงที่การแพร่ระบาดร้ายแรง ควรงดทานข้าวร่วมกัน 

รักษาสุขภาพให้ดีอยู่เสมอ ด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารสำเร็จรูป ออกกำลังกายเป็นประจำ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

วิธีกักตัวเมื่อสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อหรือไปในพื้นที่เสี่ยง

หากเราได้ไปสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยแล้ว หรือไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยงมา ควรกักตัว อยู่บ้านเพื่อดูอาการก่อนเป็นเวลา 5-7 วัน จึงไปตรวจหาเชื้อเพื่อความมั่นใจ เพราะในระยะต้นเชื้ออาจจะยังไม่เกิดการฟักตัว เมื่อไปตรวจทันทีอาจยังไม่พบว่าติดเชื้อหรือไม่

    สำหรับผู้พักอาศัยในโครงการที่พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ดูแล หากแจ้งไปยังนิติบุคคล ฝ่ายจัดการฯ จะกำหนดรอบการส่งอาหาร และทิ้งขยะที่หน้าห้องเป็นรอบ โดยพนักงานสวมหน้ากาก และถุงมือตลอดที่ให้บริการ
    • แยกห้องนอนกับผู้อื่น และไม่อยู่ร่วมกับคนอื่นในบ้านหากไม่มีห้องนอนส่วนตัวสามารถหาซื้อแผ่นกั้นห้องแบบพลาสติกมาแบ่งสัดส่วนในห้องได้ พยายามเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท มีถังขยะติดเชื้อแยกเฉพาะ
    • ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ อย่างน้อยครั้งละ 20 วินาที
    • หากมีเหตุจำเป็นที่ต้องพบคนในครอบครัวให้ สวมหน้ากากอนามัย และอยู่ห่างกันอย่างน้อย 1-2 เมตร
    • การทำความสะอาดเสื้อผ้า ชุดเครื่องนอน และผ้าเช็ดตัว ให้ซักแยกจากของผู้อื่นและใช้น้ำร้อนกับผงซักฟอกปกติในการซัก
    • แยกใช้ห้องสุขา หรือถ้าแยกไม่ได้ให้ใช้เป็นคนสุดท้าย ตามด้วยการทำความสะอาดห้องน้ำ ด้วยน้ำยาฟอกขาว 5% และ ไม่บ้วนน้ำลายลงบนพื้นห้องน้ำส่วนการใช้ชักโครกให้ปิดฝาทุกครั้งก่อนกดน้ำเพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค
    • ไม่ร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับคนในครอบครัว ให้คนในครอบครัวนำอาหารมาวางไว้ให้หน้าห้องแทน
    • แยกขยะเป็น 2 ส่วน คือ ขยะทั่วไป และขยะติดเชื้อ เช่น หน้ากากอนามัย กระดาษทิชชู ในแต่ละวันให้รวบรวม และล้างถังด้วยน้ำยาฟอกขาว เพื่อทำลายเชื้อ ใส่ขยะที่แยกไว้ในถุงขยะ 2 ชั้น มัดปากถุงให้แน่นก่อนนำไปทิ้งรวมกับขยะทั่วไป

    จะรู้ได้อย่างไรว่าเราอยู่ในกลุ่มเสี่ยง แล้วต้องไปตรวจหาเชื้อ COVID-19 ไหม?

    ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้เผยแพร่ข้อมูลจัดทำรูปแบบ infographic โดยเพจ Jones Salad เพื่อให้ประชาชนเข้าใจได้ง่ายขึ้นว่าเราต้องตรวจโควิด-19หรือไม่ เมื่ออยู่ในสถานการณ์ต่างๆ ดังต่อไปนี้

    ร้านอาหาร หากใช้บริการเวลาเดียวกันกับคนที่มีเชื้อโควิด-19

    เสี่ยงสูง เสี่ยงต่ำ
    นั่งโต๊ะเดียวกันกับผู้ติดเชื้อ ไม่ใส่หน้ากาก รับประทานอาหารร่วมโต๊ะเดียวกัน ควรไปตรวจ และกักตัว พนักงานเสิร์ฟ ที่สวมใส่หน้ากากอนามัย มาวางอาหารแล้วไป ไม่มีการพูดคุย ไม่ต้องตรวจ ไม่ต้องกักตัว แต่สังเกตอาการ 14 วัน

    อยู่ในร้านเดียวกัน แต่นั่งคนละโต๊ะกับผู้ติดเชื้อเกินระยะ 1 เมตร ไม่ต้องตรวจ ไม่ต้องกักตัว แต่สังเกตอาการ 14 วัน

    คอนโด อยู่โครงการเดียวกันกับผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19

    เสี่ยงสูง เสี่ยงต่ำ ไม่เสี่ยง
    เพื่อนบ้านที่ชอบแวะมาหาหรือกินข้าวร่วมกันกับผู้ติดเชื้อ ควรตรวจ และ กักตัว เพื่อนบ้านที่อยู่ในลิฟต์โดยสารกับผู้ติดเชื้อ แต่สวมใส่หน้ากากอนามัย ไม่ต้องตรวจ ไม่ต้องกักตัว แต่สังเกตอาการ 14 วัน เพื่อนบ้านที่อยู่คนละชั้น อยู่ข้างห้อง อยู่ชั้นเดียวกัน แต่ไม่รู้จักหรือพูดคุยกัน ไม่ต้องตรวจ ไม่ต้องกักตัว

    รถตู้โดยสาร / รถเมล์ อยู่ในคันเดียวกันกับผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19

    เสี่ยงสูง เสี่ยงต่ำ
    ทุกคนที่ไม่สวมใส่หน้ากากอนามัย ควรไปตรวจหาเชื้อและกักตัว ทุกคนที่ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่โดยสาร ไม่ต้องกักตัว ไม่ต้องตรวจ แต่ให้สังเกตอาการ

    เครื่องบิน อยู่ในลำเดียวกันกับผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19

    เสี่ยงสูง เสี่ยงต่ำ ไม่เสี่ยง
    ผู้โดยสารที่ถอดแมกส์เกิน 5 นาที นั่งอยู่ 2 แถวหน้า และ 2 แถวหลังของผู้ป่วย ควรตรวจหาเชื้อ และ กักตัว ผู้โดยสารที่ใส่แมกส์ นั่งอยู่ 2 แถวหน้า และ 2 แถวหลังของผู้ป่วย ไม่ต้องตรวจ ไม่ต้องกักตัว แต่สังเกตอาการ 14 วัน และแอร์โฮสเตส ที่ใส่แมกส์ให้บริการเดินไปเดินมา ไม่ต้องตรวจ ไม่ต้องกักตัว แต่สังเกตอาการ 14 วัน
    ผู้โดยสารที่ไม่ได้นั่งอยู่ อยู่ 2 แถวหน้า และ 2 แถวหลังของผู้ป่วย สวมหน้ากากอนามัย ไม่ต้องกักตัว ไม่ต้องตรวจ

    ถ้าหากติดโควิดแล้วต้องทำอย่างไร?

    สำหรับคนที่ไปตรวจโควิด-19 ถ้าเกิดเราทราบผลว่าตัวเองติดเชื้อแล้ว ควรทำตามขั้นตอนดังนี้ทันที 

    1. เตรียมเอกสารบัตรประจำตัวประชาชน หลักฐานผลตรวจโควิด 19 

    2. โทรแจ้งโรงพยาบาลที่เราไปตรวจมา เพื่อแอดมิท 

    3. หากโรงพยาบาลที่เราไปตรวจยังหาเตียงให้ไม่ได้ภายใน 1-2 วัน ให้โทรไปที่ 1668 (สายด่วนเฉพาะกิจในการจัดหาเตียงให้ผู้ป่วย) หรือ 1330 (สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ)

    4. หากมีไข้สูง หายใจเหนื่อย มีอาการท้องเสียหลายครั้ง โทร 1669 เพื่อฟังคำแนะนำเบื้องต้น และรอทีมกู้ชีพมารับนำส่งโรงพยาบาล

    ทั้งนี้หากผู้ที่ติดเชื้อไม่ได้มีอาการรุนแรง ให้กินยาตามอาการที่แพทย์สั่ง และ สามารถกักตัวอยู่บ้าน หรือไปที่ hospitel หากที่บ้านมีผู้อื่นอาศัยอยู่ด้วย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อ


    วิธีรับมือ โควิด-19 สำหรับนิติบุคคลคอนโด หมู่บ้านจัดสรร

    เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับลูกบ้านผู้พักอาศัยในคอนโด หรือ หมู่บ้านจัดสรร ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ฝ่ายจัดการนิติบุคคลในนาม Plus Living Management โดย พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้มีการจัดการเรื่องมาตรการป้องกันและรับมือกับการติดเชื้อโควิด เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้ลูกบ้าน โดยมีแนวทางปฏิบัติ ดังนี้

    แนวทางปฏิบัติป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 

    • ประชาสัมพันธ์อัปเดต ข้อมูลข่าวสาร มาตรการป้องกันและเฝ้าระวังการระบาดของโรคติดต่อให้ลูกบ้านทราบข้อมูลเพื่อป้องกัน และดูแลตัวเอง

    • ขอความร่วมมือลูกบ้าน ผู้มาติดต่อบุคคล สวมหน้ากากอนามัย เมื่อเข้ามาในโครงการ หรืออยู่บริเวณพื้นที่ส่วนกลาง

    • ตั้งจุดวางเจลแอลกอฮอล์ตามจุดต่างๆ ที่เป็นจุดสัมผัสบ่อย เช่น ประตู ลิฟต์ ฟิตเนส ห้องสันทนาการ

    • ตั้งจุดคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิ โดยจำกัดตรงบริเวณทางเข้า-ออก หากเกิน 37.5 องศา พิจารณางดเข้าโครงการ

    • ผู้รับเหมา ผู้มาติดต่อ ทำแบบประเมินความเสี่ยงก่อนเข้าพื้นที่โครงการ

    • กำหนดจุดรับ-ส่ง อาหารในบริเวณที่กำหนดเท่านั้น โดยกั้นพื้นที่จุดพักคอยอาหาร ณ บริเวณที่ไม่เป็นมุมอับ มีอากาศถ่ายเท มีเจลแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อไว้ให้บริการ

    • การรับพัสดุ ลูกบ้านแจ้งให้ฝ่ายจัดการฯ ทราบวันและเวลา (ในเวลาทำการระหว่าง 08.00-18.00) ที่สะดวกรับพัสดุล่วงหน้า โดยลูกบ้านมารับพัสดุตามเวลาที่ยืนยัน ในระหว่างเวลาทำการ ที่โต๊ะหน้าห้องฝ่ายจัดการฯ โดยจะทำการฆ่าเชื้อด้วยสเปรย์แอลกอฮอล์ และจัดเตรียมพัสดุวางรอไว้ ในบางโครงการจะมีตู้อบฆ่าเชื้อก่อนส่งมอบให้กับลูกบ้านด้วยวิธีการเดียวกัน เพื่อลดความเสี่ยงการใกล้ชิด

    • ทำความสะอาดฆ่าเชื้อในโครงการจุดที่มีสัมผัสบ่อยทุก 1 ชั่วโมง  เช่น ลิฟท์  ทางเดินเข้าออก ห้องน้ำ และ ส่วนกลางอื่นทุก 3 ชั่วโมง 

    • เน้นย้ำแม่บ้าน สวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน  ถุงมือ แว่นตา หน้ากาก เพื่อป้องกันสารเคมี และเชื้อโรคระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ปิดกั้นพื้นที่ที่จะทำความสะอาด โดยเลือกใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ ที่เหมาะสมตามพื้นผิวและสถานที่ ใช้น้ำยาเทลงบนผ้าโดยตรงเพื่อเช็ดพื้นผิว ป้องกันละอองฟุ้งกระจาย

    • ฉีดพ่นฆ่าเชื้อ หลังเช็ดทำความสะอาดจะเตรียมการปิดพื้นที่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกำจัดเชื้อโรคอีกสัปดาห์ละ 1 ครั้ง


    แม่บ้านเช็คทำความสะอาดจุดสัมผัสทุก 1-2 ชั่วโมง


    จำกัดจำนวนการใช้ลิฟต์โดยสาร


    ตั้งจุดคัดกรอง ตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าโครงการ


    กำหนดจุดรับ-ส่งอาหารสำหรับไรเดอร์

    แนวทางปฏิบัติกรณีพบผู้ติดเชื้อโควิดในโครงการ และการดูแลผู้ที่กักตัวอยู่ภายในโครงการ

    • ดำเนินการ Big Cleaning พื้นที่โถงทางเดิน ส่วนกลางทั้งหมด โดยนิติบุคคลจะทำความสะอาดฆ่าเชื้อโดยวิธีการเช็ดเพื่อป้องกันการกระจายเชื้อ และแจ้งบริษัทที่ให้บริการพ่นยาฆ่าเชื้อโรคอีกครั้ง

    • ประกาศแจ้งให้ลูกบ้านผู้พักอาศัยทราบว่า พบผู้ติดเชื้อ พร้อมทั้งแจ้งมาตรการจัดการ ได้ดำเนินการทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว

    • แจ้งข้อมูล Time line ผู้ติดเชื้อ ออกประกาศแจ้งให้ลูกบ้านผู้พักอาศัยทราบ และประสานงานลูกบ้านที่เป็นกลุ่มเสี่ยงใช้พื้นที่ส่วนกลางในช่วงเวลาเดียวกัน เพื่อทำการตรวจหาเชื้อ และกักตัว โดยฝ่ายจัดการฯ จะอำนวยความสะดวกการส่งอาหารและรับขยะในแต่ละวันให้สำหรับลูกบ้านที่ต้องกักตัว โดยพนักงานผู้ให้บริการต้องสวมหน้ากากอนามัย และถุงมือตลอดที่ให้บริการ

    • ประสานกับผู้ติดเชื้อการส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล โดยประกาศแจ้งวันเวลานัดหมายของโรงพยาบาล เพื่อไม่ให้ลูกบ้านออกมาพบเจอกับผู้ป่วยระหว่างเดินทางออกไปโรงพยาบาล

    • ทำความสะอาดพ่นยาฆ่าเชื้อทันทีหลังจากมีการเคลื่อนย้ายในบริเวณโถงทางเดินในชั้นพักอาศัย ห้องขยะ


    ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาด

    แนวทางปฏิบัติในกรณีที่สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดมีความรุนแรงขึ้น

    • ปิดบริการพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมด อาทิ ล็อบบี้ สโมสร สระว่ายน้ำ พื้นที่ส่วนกลาง ฟิตเนส ต้องปิดงดใช้ชั่วคราวตามประกาศจากรัฐบาลในพื้นที่ที่กำหนด หรือตามมติคณะกรรมการของแต่ละโครงการ

    • งดให้บริการงานภายในห้องชุด หรือบ้านพักอาศัย ยกเว้นกรณีฉุกเฉิน พนักงานผู้ให้บริการต้องสวมถุงมือ หน้ากากอนามัย อย่างเคร่งครัด

    • ออกประกาศมาตรการสวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในพื้นที่สาธารณะอย่างเคร่งครัด พิจารณาโทษปรับตามพ.ร.บ. โรคติดต่อ หรือ จากมติคณะกรรมการ

    • ออกประกาศแจ้งลูกบ้านสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงให้ติดต่อ หรือผู้ที่ตรวจพบแล้วว่าติดเชื้อ COVID – 19 ขอให้แจ้งข้อมูลแก่ฝ่ายจัดการฯ รับทราบทันที เพื่อยกระดับมาตรการดูแลพื้นที่ หากปกปิดข้อมูลการเดินทาง หรือแจ้งข้อมูลเท็จ ถือเป็นความผิดตาม มาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน

    ถ้ามีคนในบ้านติดโควิดต้องทำอย่างไร?

    ในกรณีที่คนในบ้านของเราติดเชื้อโควิด-19 แล้วยังหาเตียงไม่ได้และต้องอาศัยอยู่ร่วมกัน เราควรมีวิธีปฏิบัติ เพื่อความปลอดภัยต่อตัวเรา พลัสฯ ได้รวมวิธีการปฏิบัติมาดังนี้ คือ

    • แยกผู้ป่วยให้อยู่ตามลำพัง หากหลีกเลี่ยงไม่ได้พยายามให้อยู่ห่างจากคนในครอบครัวที่เหลือโดยมีระยะห่างจากกันราว 2 เมตร เพื่อจะหลีกเลี่ยงการแพร่กระจายสารคัดหลั่งจากคนป่วยสู่คนอื่นๆ โดยหาฉากกั้นพลาสติกมาเป็นทางกั้นได้

    • พยายามทำความสะอาดพื้นผิววัสดุที่สามารถแพร่เชื้อระบาดต่อกันได้ให้มากที่สุด เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อชุบผ้า ทำความสะอาดทุกๆ 1-2 ชั่วโมง

    • ให้ผู้ป่วยใส่หน้ากากตลอดเวลาเพื่อป้องกันการแพร่กระจายสารคัดหลั่งขณะไอ หรือจาม

    • สมาชิกในครอบครัวผู้ที่ต้องดูแลผู้ป่วยจะต้องใส่หน้ากากและถุงมือ นำไปทิ้งทันทีหลังใช้เสร็จ

    • ทุกคนในบ้านต้องล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่ หลังจากให้ความดูแลผู้ป่วย

    • ให้ผู้ป่วยอยู่ให้ห่างจากผู้สูงอายุ ในกรณีที่มีผู้สูงอายุในบ้าน

    • ไม่ใช้เสื้อผ้า เครื่องนอน (ผ้าปูเตียง ผ้าห่ม) ผ้าขนหนูร่วมกับผู้อื่น

    • ทำความสะอาดเสื้อผ้าด้วยน้ำร้อน อย่างน้อย 80 องศาเซลเซียสหรือสูงกว่านั้น อย่างน้อย 10 นาทีขึ้นไป เพื่อฆ่าไวรัส (กรณีที่ผู้ป่วยอาจมีอาการอาเจียนหรือท้องเสีย)

    • ปล่อยให้มีอากาศไหลเวียนเข้ามาในบ้านบ่อยๆ

    • ทิ้งขยะที่อาจมีสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ โดยมัดปากถุงขยะอย่างแน่นหนาและนำไปทิ้ง

    • ทำความสะอาดชักโครกและห้องน้ำบ่อยๆ

    • ในการรับประทานอาหารให้นำอาหารแยกให้ผู้ป่วยรับประทานคนเดียว หลังจากนั้นนำภาชนะใส่อาหารมาแช่ด้วย ไฮเตอร์ 2 ฝา ผสมกับน้ำเปล่า 2 ลิตร อย่างน้อย 10 นาทีก่อนล้างออก 

    แม้ผู้ป่วยเริ่มมีอาการดีขึ้นหรือต้องนำส่งตัวไปโรงพยาบาล อย่าเพิ่งวางใจ ให้เช็คอุณหภูมิร่างกายสมาชิกในครอบครัวสม่ำเสมอทั้งตอนเช้าและตอนค่ำ วันละ 2 ครั้ง ทำยาวนานราวสัปดาห์ เพราะไวรัสมีระยะฟักตัว และอย่าลืมใส่หน้ากากเมื่อต้องออกนอกบ้านทุกครั้ง

    รวมข้อมูลสำคัญที่เราต้องรู้ช่วงโควิด-19 ระบาด

    1. อัปเดต สถานที่ตรวจ COVID-19 พร้อมราคาค่าใช้จ่ายเบื้องต้น

    หากเราพบว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ต้องการที่จะตรวจหาเชื้อเพื่อความมั่นใจ สามารถไปรับการตรวจหาเชื้อได้ที่โรงพยาบาลรัฐ และ เอกชน ดังนี้ 

    (*ทั้งนี้เป็นราคาประมาณการ กรุณาตรวจสอบกับโรงพยาบาลที่ท่านเข้ารับการตรวจอีกครั้ง)

    โรงพยาบาลรัฐบาล

    • รพ.จุฬาลงกรณ์ ค่าใช้จ่าย 3,000 – 6,000 บาท
    • รพ.รามาธิบดี ค่าใช้จ่าย คนไทยไม่เกิน 2,500 บาท / ชาวต่างชาติไม่เกิน 3,500 บาท
    • รพ.เวชศาสตร์เขตร้อน ค่าใช้จ่าย 3,000 บาท
    • รพ.ศิริราช ค่าใช้จ่าย 2,000 – 3,000 บาท (รับตรวจเฉพาะกลุ่มเสี่ยง)
    • รพ.ศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ค่าใช้จ่าย 7,000 – 8,000 บาท (ไม่รวมค่าบริการอื่น ๆ)
    • รพ.วชิรพยาบาล ค่าใช้จ่าย 2,440 – 2,590 บาท
    • รพ.ราชวิถี ค่าใช้จ่าย 3,000 – 6,000 บาท

    โรงพยาบาลเอกชน

    • รพ.รามคำแหง ค่าใช้จ่าย 1,400 – 3,500 บาท
    • รพ.ปิยะเวช ค่าใช้จ่าย เริ่มต้นที่ 2,500 บาท
    • รพ.ธนบุรี ค่าใช้จ่าย เริ่มต้นที่ 2,500 บาท
    • รพ.กรุงเทพ ค่าใช้จ่าย 4,300 – 7,000 บาท (ขึ้นอยู่กับอาการและการตรวจเพิ่ม)
    • รพ.บางปะกอก 9 ค่าใช้จ่าย 3,800 บาท (สำหรับคนไทย) / 4,500 บาท (สำหรับต่างชาติ)
    • รพ.บางโพ ค่าใช้จ่าย 3,500 บาท
    • รพ.บำรุงราษฎร์ ค่าใช้จ่ายประมาณ 7,500 บาท
    • รพ.เปาโลเมโมเรียล พหลโยธิน ค่าใช้จ่าย 5,500 บาท (สำหรับคนไทย) / 6,000 – 7,500 บาทื(สำหรับต่างชาติ)
    • รพ.เปาโลเมโมเรียล เกษตร , โชคชัย 4 , รังสิต ค่าใช้จ่าย 4,500 บาท
    • รพ.พญาไท 1 ค่าใช้จ่าย 3,500 บาท
    • รพ.พญาไท 2 ค่าใช้จ่าย 6,500 บาท (รวมค่าบริการทุกอย่างแล้ว)
    • รพ.พญาไท 3 ค่าใช้จ่าย 4,000 บาท
    • รพ.พระราม 9 ค่าใช้จ่าย 6,500 บาท

     2. วิธีการตรวจหาเชื้อโควิด-19

    ข้อมูลจาก โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล ได้เผยแพร่ วิธีการตรวจหาเชื้อ และ ชุดตรวจเชื้อ ที่ทางทีมแพทย์ของประเทศไทยใช้กันนั้น มีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี โดยมีขั้นตอนและรายละเอียด ดังนี้  

    1. Real-time RT PCR

    เป็นการตรวจสารพันธุกรรมของไวรัสด้วยวิธี Real-time RT PCR ซึ่งเป็นวิธีที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ และประเทศไทยพร้อมใช้อยู่ในปัจจุบัน องค์การอนามัยโลกแนะนำว่า การตรวจด้วยวิธีนี้มีข้อดีคือ มีความไว มีความจำเพาะสูง สามารถทราบผลภายใน 3-5 ชั่วโมง และสามารถตรวจจับเชื้อไวรัสในปริมาณน้อยๆ ได้

    ดังนั้นไม่ว่าจะเชื้อไวรัสนั้นคือเชื้อเป็นหรือเชื้อตาย ก็สามารถตรวจจับได้หมดจากสารคัดหลั่งทางเดินหายใจส่วนบน ส่วนล่าง ของผู้สงสัยติดเชื้อ ถือว่าเป็นวิธีที่เหมาะสมสำหรับการตรวจวินิจฉัยโรคเพื่อการรักษาที่รวดเร็ว ตั้งแต่ระยะแรกของการเกิดโรค

    2. Rapid test

    เป็นการเจาะเลือดเพื่อนำไปตรวจหาภูมิคุ้มกัน โดยการใช้ชุดทดสอบแบบรวดเร็ว หรือ Rapid Test ที่สามารถทราบผลได้ใน 15 นาที การตรวจวิธีนี้จะทำได้หลังมีอาการป่วย 5-7 วัน หรือได้รับเชื้อมาแล้ว 10-14 วัน ร่างกายจึงจะสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาต้านเชื้อโรค ดังนั้นการใช้ Rapid Test ตรวจภูมิคุ้มกันในช่วงแรกของการรับเชื้อ หรือช่วงแรกที่มีอาการ ผลการตรวจจะขึ้นลบ ซึ่งไม่ได้แสดงว่าผู้ป่วยไม่ได้ติดเชื้อโควิด-19 เนื่องจากภูมิคุ้มกันยังไม่เกิดขึ้น


    การตรวจแบบ Rapid Test นี้มีองค์ประกอบสำคัญก็คือ "น้ำยาตรวจเชื้อ" ซึ่งที่ผ่านมามีประชาชนบางคนไปหาซื้อมาตรวจเอง ในเรื่องนี้ทางทีมแพทย์ยืนยันว่า "ไม่ควรทำ" เนื่องจากน้ำยาเหล่านี้ทาง อย.อนุญาตใช้เฉพาะสถานพยาบาลเท่านั้น ไม่อนุญาตจำหน่ายทั่วไป

    3. อัปเดต รายชื่อ Hospitel

    ฮอสปิเทล หรือ Hospitel มาจากคำว่า Hospital บวกกับ Hotel คือ โรงแรมที่แปลงเป็นหอผู้ป่วยเฉพาะกิจรองรับผู้ติดเชื้อ COVID-19 สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการน้อยหรือไม่รุนแรง โดยปรับเปลี่ยนโรงแรมให้เป็นพื้นที่เฝ้าระวังอาการ เพื่อให้ทางโรงพยาบาลสามารถรองรับผู้ป่วยหนักได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พลัสฯ รวบรวมรายชื่อ Hospitel รองรับผู้ป่วยโควิด 19 สำหรับผู้ติดเชื้อที่ยังหาเตียงไม่ได้ เช็กเลยที่นี่

    • โรงแรมมาเลเชีย 100 เตียง (โรงพยาบาลสุขุมวิท โทร: 02 391 0011) 
    • โรงแรมโอโซน โฮเต็ล แอท สามย่าน กรุงเทพฯ 40 เตียง (โรงพยาบาลวิภาราม โทร: 02 432 2550) 
    • โรงแรมรัตนโกสินทร์ 150 เตียง (โรงพยาบาลปิยะเวท โทร: 02 129 5555) 
    • โรงแรมอินทรา รีเจ้นท์ 455 เตียง (โรงพยาบาลปิยะเวทโทร: 02 129 5555)
    • โรงแรมสินศิริ รามอินทรา 69 เตียง (โรงพยาบาลสินแพทย์ โทร: 02 793 5099 และโรงพยาบาลเสรีรักษ์ โทร: 02 761 9888)
    • โรงแรมชีวา 75 เตียง (โรงพยาบาลกรุงเทพ โทร: 02 310 3000) 
    • โรงแรมพูลแมน แกรนด์ สุขุมวิท กรุงเทพฯ 324 เตียง (โรงพยาบาลธนบุรี โทร: 02 487 2000)                
    • โรงแรมสินศิริ 1 จำนวน 52 เตียง (โรงพยาบาลสินแพทย์ โทร: 02 793 5099) 
    • โรงแรมโรงแรม ฌ เฌอ - เดอะ กรีน โฮเทล 200 เตียง (โรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนล โทร: 02 594 0020) 

    สำหรับเกณฑ์การเลือกผู้ป่วยโควิด-19 ที่สามารถพักต่อใน Hospitel ได้ ต้องเข้าเกณฑ์ ดังนี้

    1. ผู้ป่วยยืนยันที่ไม่มีอาการ หลังนอนโรงพยาบาล 4-7 วัน

    2. เมื่อไม่มีภาวะแทรกซ้อนให้พักต่อที่ Hospitel จนครบ 10 วัน และครบ 14 วัน ในกรณีสงสัยเชื้อกลายพันธุ์จาก อังกฤษ, บราซิล, แอฟริกาใต้

    3. ผู้ป่วยยืนยันที่มีอาการ ไม่มีภาวะเสี่ยง/ภาวะร่วม หลังนอนโรงพยาบาล 4-7 วัน เมื่ออาการดีขึ้นให้พักต่อที่ Hospitel จนครบ 10 วัน และครบ 14 วัน ในกรณีสงสัยเชื้อกลายพันธุ์จาก อังกฤษ, บราซิล, แอฟริกาใต้

    4. ผู้ป่วยยืนยันโควิด-19 อายุน้อยกว่า 50 ปี ที่ไม่มีอาการ หรือไม่มีภาวะเสี่ยง/ภาวะร่วม เข้าพักรักษา สังเกตอาการที่ Hospitel จนครบ 10 วัน และครบ 14 วัน ในกรณีสงสัยเชื้อกลายพันธุ์จาก อังกฤษ, บราซิล, แอฟริกาใต้

    4. ทุกเรื่อง Covid โทรเลยสายด่วนช่วยเหลือ

    ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ทั้งผู้ป่วยติดเชื้อ หรือ ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง หรือผู้ที่อยู่ในสภาวะเครียด สงสัยว่าติดเชื้อ เช็คสิทธิการรักษาพยาบาลต่างๆ สามารถโทรสายด่วนได้เลยตามนี้

    5. ทำประกันโควิดดีไหม เปรียบเทียบประกันโควิด พร้อมเทคนิคการเลือก

    ยิ่งการแพร่ระบาดโควิดยังคงไม่สามารถควบคุมได้ การป้องกันตัวเองอาจไม่เพียงพอ เพื่อเพิ่มความมั่นใจสำหรับค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลหากเกิดการติดเชื้อขึ้นมา การทำประกันโควิด จึงเป็นทางเลือกที่หลายๆ คนสนใจ และซื้อให้กับตัวเองและคนในครอบครัว แผนประกันโควิดนั้นมีอยู่หลายแผน หลายระดับราคา เริ่มต้นตั้งแต่เบี้ยประกันคนละ 159 บาท ไปจนถึง 1,825 บาท 

    แต่การเลือกซื้อแผนประกันนั้น เราควรต้องพิจารณาความคุ้มครอง และ เงื่อนไขที่มีอยู่ให้ดีเสียก่อน พลัสฯ จึงสรุปข้อควรรู้และเทคนิคการเลือกก่อนซื้อประกันโควิดมาฝากกัน ดังนี้

    1. ก่อนซื้อประกันโควิด ตรวจสอบแผนประกันสุขภาพที่คุณมีก่อน ว่าคุ้มครองหรือไม่ จะได้ไม่ต้องซื้อซ้ำซ้อน

    2. เลือกซื้อประกันตามเงื่อนไขการใช้ชีวิตของเรา

    3. เลือกแผนที่อยากได้ความคุ้มครองครอบคลุมขนาดไหน ทั้งนี้ในแต่ละบริษัทจะเพิ่มความคุ้มครองตามเบี้ยประกันที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น การเลือกแผนคุ้มครองต้องตรวจสอบเงื่อนไขอย่างละเอียดทุกครั้ง

    4. กำหนดระยะคอยส่วนใหญ่จะบังคับ 14 วัน โดยในช่วงที่เพิ่งซื้อประกันไป ในช่วงเวลาระหว่างนี้ไม่ควรนำตัวเองไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยง เพราอาจถูกปฏิเสธการคุ้มครอง

    5. หากติดเชื้อโควิด-19 แต่แพทย์ระบุว่าในใบรับรองแพทย์ว่าเป็นปอดอักเสบ ควรแนบผลการตรวจที่ระบุว่าพบเชื้อโควิด-19 ส่งเคลมด้วย

    6. การซื้อประกันแบบ เจอ-จ่าย-จบ หลายฉบับ สามารถเคลมได้ทุกฉบับโดยต้องขอใบรับรองแพทย์ตัวจริงเท่ากับจำนวนประกันที่ต้องการเคลม

    7. หากซื้อประกันแบบคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลหลายฉบับ สามารถเบิกได้เท่าที่จ่ายจริง โดยต้องยื่นเบิกค่ารักษาพยาบาลจากบริษัทแรกที่ซื้อก่อน ส่วนที่เหลือจึงนำมาเบิกเพิ่มเติมจากฉบับที่ 2 ที่ 3 ต่อไป

    8. จ่ายเมื่อตรวจพบเชื้อครั้งแรก แปลว่า ประกันจะจ่ายเมื่อตรวจพบเชื้อครั้งแรกเท่านั้น กรณีที่เคยเป็นแล้วหายแล้วเป็นซ้ำประกันจะไม่จ่าย

    *ขอบคุณข้อมูลจาก Brandinside เลือกซื้อประกันสู้โรคโควิด-19 ถามตัวเองสักนิดก่อนคิดจะซื้อ อ่านต่อได้ ที่นี่

    *ขอบคุณข้อมูลจาก daylinews สรุปประกันโควิด"เจอ-จ่าย-จบ" เงื่อนไขขั้นตอน-วิธีเคลม อ่านต่อได้ ที่นี่

    *เปรียบเทียบประกันโควิด และซื้อประกันออนไลน์ คลิก

     6. อัปเดตวัคซีนโควิด-19 พร้อมข้อมูลเปรียบเทียบ

    ข้อมูลจาก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เผยแพร่ข้อมูลวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19ที่อนุมัติให้เริ่มใช้ได้แล้วในบางประเทศ มีอยู่ด้วยกัน 4 ชนิด รวมถึงประสิทธิภาพ การให้วัคซีน และผลข้างเคียงการรักษา ดังนี้


    แม้การรับวัคซีนจะยังไม่สามารถเข้าถึงประชนชนได้ทุกคน เราทุกคนจึงต้องหมั่นดูแลตัวเอง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ รักษาระยะห่าง เป็นวิธีป้องกันตัวเองได้ดีที่สุด

    ขอบคุณข้อมูลจาก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ Update ข้อมูลวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อ่านต่อ คลิก

    และนี่ก็เป็นข้อมูลโควิด-19 ที่ทุกคนควรรู้ และเตรียมรับมือกันไว้ เพราะเกิดการแพร่ระบาดในวงกว้าง ในหลายๆ คลัสเตอร์ เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ยังไม่สามารถควบคุมได้ในเร็ววันนี้ การป้องกันตัวเองที่ดีที่สุดคือการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายของตัวเอง หมั่นทานอาหารที่มีประโยชน์ ลด เลี่ยง อาหารที่เข้าไปลดภูมิต้านทานร่างกายของตัวเอง นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 

    หากพบว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ไม่เห็นแก่ตัว และตามใจตัวเอง ควรกักตัวเองอยู่ในที่จำกัดเป็นระยะเวลา 14 วัน เพื่อควบคุมไม่ให้เชื้อแพร่กระจายไปสู่คนรอบข้าง และที่สำคัญ ไม่ตื่นตระหนก หรือวิตกกังวลมากจนเกินไป หากมีความจำเป็นต้องออกจากบ้าน การใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ นาน 20-30 วินาที และเว้นระยะห่าง สามารถช่วยป้องกันเราจากเชื้อโควิด-19 นี้ได้อย่างแน่นอน

    แล้วเราจะสามารถผ่านวิกฤติโควิดนี้กันไปได้ 

    บทความที่เกี่ยวข้อง:

    ค้นหาบริการด้านอสังหาฯ จากพลัสฯ ที่ใช่สำหรับคุณ: บริหารงานขายอสังหาบริหารนิติบุคคลหมู่บ้านบริษัทบริหารอาคารบริหารนิติบุคคลคอนโด

    พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญบริการอสังหาฯ ครบวงจร ที่ตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการ บริหารงานนิติบุคคลคอนโด หมู่บ้าน อาคารสถานที่ ที่ปรึกษางานขายโครงการ และตัวแทนซื้อ ขาย เช่า คอนโดมือสอง ด้วยทีมงานระดับคุณภาพกับประสบการณ์ที่มากกว่า 20 ปี เติมเต็มทุกความต้องการอย่างแท้จริง สนใจติดต่อเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02 688 7555 หรือ plus.co.th/contactus

    ติดต่อทีมงาน PLUS Living Management

    เรื่องเด่นน่าสนใจ

    เรื่องราวยอดนิยม

    โครงการแนะนำ

    Free E-book

    undefined undefined undefined

    undefined undefined undefined