รวมเรื่องควรรู้ พร้อมรับมือ โควิด-19
นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 เกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2019 และยังคงเพิ่มขึ้นอีกครั้งในปัจจุบัน โดยยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่าย ๆ ในเร็ว ๆ นี้ เราควรมีความรู้ที่ถูกต้องเพื่อรับมือป้องกันตัวเอง และคนรอบข้างจากโรคระบาดนี้ พลัสฯได้เป็นห่วงความปลอดภัยของลูกบ้านทุกคน จึงรวมรวบข้อมูลเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ทั้งหมดที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน เพื่อที่ทุกคนจะได้มีความรู้ และมีวิธีการดูแลตัวเองที่ถูกต้อง ไว้ต่อสู้กับเชื้อไวรัสต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย
โควิด-19 (COVID-19) ติดมาจากทางไหนได้บ้าง ?
เชื้อโควิดนั้นสามารถแพร่จากคนสู่คน ผ่านทางละอองน้ำมูก น้ำลาย ซึ่งแพร่ออกมาในขณะที่ผู้ติดเชื้อไอ จาม หรือพูด ทำให้ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดนั้นได้หายใจนำละอองเหล่านี้เข้าไปในร่างกาย เพราะฉะนั้นการรักษาระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 1 เมตร และสวมใส่หน้ากากอนามัย จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยป้องกัน COVID-19 ได้ในข้างต้นเชื้อโควิด-19 อยู่ได้นานเท่าไหร่?
เชื้อโควิดที่ถูกแพร่ออกมาแล้วนั้น จะสามารถอยู่บนสิ่งของต่าง ๆ ได้นานตั้งแต่ 5 นาที ไปจนถึง 1 เดือน ! ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม สภาพพื้นผิว และอุณหภูมิ มาดูกันว่าเชื้อโควิด-19 จะสามารถอยู่ได้นานเท่าไหร่ในสภาพแวดล้อมดังต่อไปนี้- ในอากาศพื้นที่โล่ง เชื้อโควิดจะอยู่ในละอองสารคัดหลั่ง (ไอ จาม น้ำลาย เหงื่อ) ได้นาน 5 นาที
- ในอากาศห้องพื้นที่ปิด เชื้อโควิดจะอยู่ในละอองสารคัดหลั่ง (ไอ จาม น้ำลาย เหงื่อ) ได้นาน 3 ชั่วโมง
- บนกระดาษแข็ง เช่น กล่องพัสดุ หนังสือ ปฏิทิน แก้วกระดาษ เชื้อโควิดจะอยู่ได้นานถึง 24 ชั่วโมง
- บนพลาสติกหรือสแตนเลส เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ลูกบิดประตู ราวบันได ปุ่มกดที่ตู้อัตโนมัติต่าง ๆ เชื้อโควิดจะอยู่ได้นาน 2-3 วัน
- บนเสื้อผ้าหรือทิชชู่ เชื้อโควิดจะอยู่ได้ราว 8-12 ชั่วโมง
- ในน้ำ เชื้อโควิดจะอยู่ได้นาน 4 วัน
- ในตู้เย็นหรือที่ที่มีอุณหภูมิตำกว่า 4 องศาเซลเซียส เชื้อโควิดอาจจะมีชีวิตได้นานถึง 1 เดือน
โควิด-19 คือ เชื้อไวรัสไข้หวัดธรรมดาหรือไม่ ร้ายแรงขนาดไหน?
โควิด-19 หรือเชื้อไวรัสโคโรนาไม่ใช่ไข้หวัดธรรมดา แต่เกิดการกลายพันธุ์และเชื้อร้ายแรงขึ้น เพราะเป็นไวรัสที่ไม่มีชีวิตแต่มีรหัสโค้ดเป็น RNA ซึ่งอยู่ในนิวเคลียส เมื่อผ่านเข้าไปในร่างกาย มันจะไปหลอกให้ร่างกาย Copy สร้างตัว RNA จำนวนมหาศาล อยู่ในเซลล์ของร่างกาย ทำให้เซลล์ทำงานไม่ได้เชื้อโควิดนั้นร้ายแรงเป็นเพราะ เมื่อได้รับเชื้อไปภายใน 5 วัน จะผ่านเข้าไปทางจมูก ปาก เยื่อบุตา และเป็นตัวเชื้อที่กระจายไปยัง ปอด หัวใจ ตับ สมอง พื้นผิวลำไส้ และระบบหลอดเลือด ทำให้คนไข้มีอาการของโรคแตกต่างกันออกไป
ขอบคุณข้อมูลจาก รศ.พญ. ลำดวน วงศ์สวัสดิ์
คลิกดู VDO ฉบับเต็ม
เช็ค! อาการเสี่ยง “โควิด 19” อาการเดิม / ระลอกใหม่ เป็นอย่างไร?
มาดูอาการโควิดเบื้องต้น เช็คว่าตัวเราเข้าข่ายหรือไม่ อาการของคนที่ติดเชื้อโควิดนั้น ในช่วงระยะการระบาดในรอบแรก ๆ นั้น จะมีอาการไข้ขึ้นสูงติดต่อกัน 48 ชม. รู้สึกปวดหัว มีอาการไอแห้งหรือมีเสมหะ เจ็บคอ ไม่มีแรง หายใจลำบาก และอาการบ่งชี้ที่สำคัญ คือ
ลิ้นไม่รับรส จมูกไม่ได้กลิ่น เกิดขึ้นพร้อมกันกับอาการที่ได้กล่าวไปแล้วนั้นให้ไปตรวจหาเชื้อโควิดทันทีเพราะเป็นอาการที่ชัดว่าเข้าข่ายเป็นโควิด-19
มาดู อาการโควิดเบื้องต้น เช็คว่าตัวเราเข้าข่ายหรือไม่ อาการของคนที่ติดเชื้อโควิดนั้น ในช่วงระยะการระบาดในรอบแรก ๆ นั้น จะมีอาการไข้ขึ้นสูงติดต่อกัน 48 ชม. รู้สึกปวดหัว มีอาการไอแห้งหรือมีเสมหะ เจ็บคอ ไม่มีแรง หายใจลำบาก และอาการบ่งชี้ที่สำคัญ คือ
ลิ้นไม่รับรส จมูกไม่ได้กลิ่น เกิดขึ้นพร้อมกันกับอาการที่ได้กล่าวไปแล้วนั้นให้ไปตรวจหาเชื้อโควิดทันทีเพราะเป็นอาการที่ชัดว่าเข้าข่ายเป็นโควิด-19
ส่วนอาการโควิดแบบใหม่ เนื่องจากเชื้อมีการกลายพันธุ์ รวมทั้งรับเชื้อโควิดสายพันธุ์ที่มาจากต่างประเทศ ทำให้เชื้อโควิดระลอก 3 ที่มีการแพร่ระบาดล่าสุดในประเทศไทยช่วงเดือนเมษายน 2021 นั้น พบผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการจำนวนมาก ในรายผู้ที่ติดเชื้อที่แสดงอาการ จะมีอาการตาแดง แต่ไม่มีไข้ ในบางรายอาจมีผื่นขึ้นร่วมด้วย
วิธีป้องกันโควิดเบื้องต้นที่เราทำได้
ข้อมูลจาก รศ.พญ. ลำดวน วงศ์สวัสดิ์ กล่าวว่า เมื่อได้รับเชื้อโควิดผ่านเข้าไปในร่างกาย จะป่วยหรือไม่ป่วยนั้นขึ้นอยู่กับตัวเรา ว่ามีภูมิคุ้มกันมากน้อยแค่ไหน ถ้าเรามีภูมิคุ้มกันมาก จะเป็นผลดีต่อร่างกาย เราจะไม่ป่วย ไม่มีอาการ แต่หากมีปานกลาง หรือ ภูมิต่ำ เราจะป่วย หากป่วยมากก็จะทำให้เสียชีวิตได้
ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ จะมีโอกาสเสี่ยงเสียชีวิตได้ โดยผู้ที่มีภูมิต่ำ ได้แก่
ผู้สูงอายุเกิน 65 ปี
คนที่มีความเครียด ไม่ได้พักผ่อน ไม่ได้ออกกำลังกาย ได้รับอากาศ อาหารที่ไม่ดี อุจจาระไม่ออก
คนที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคปอด หอบหืด เบาหวาน ความดัน โรคไต ตับ
- ผู้ที่มีระบบทางเดินอาหารไม่สมดุล รวมทั้งตับ ถุงน้ำดี และระบบน้ำเหลือง
เชื้อไวรัสโควิด-19 นั้นสามารถติดต่อผ่านทางลมหายใจ สารคัดหลั่งอย่าง น้ำมูก น้ำลาย เพราะฉะนั้น ควรใส่หน้ากากอนามัยป้องกันเมื่ออยู่ในที่สาธารณะหรืออยู่ใกล้ชิดกับผู้อื่น
ปิดปากและจมูกเมื่อจามหรือไอ ปิดปากและจมูกด้วยกระดาษทิชชู่ทุกครั้งที่จามหรือไอ จากนั้นก็ให้ทิ้งทันที เพราะฝอยละอองจากการจามหรือไอเป็นตัวแพร่เชื้อไวรัสชั้นดี ซึ่งหากคุณทำตามนี้แล้วก็จะป้องกันผู้คนรอบข้างไม่ให้ติดไข้ ติดหวัด หรือติด COVID-19 จากคุณได้
และเชื้อนั้นยังมาจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เพราะฉะนั้น งดอาหารดิบอย่างซาชิมิ งดได้งดไปก่อน เนื้อสัตว์ป่า และทานอาหารที่ปรุงสุกแล้วเท่านั้น
หมั่นล้างมือหรือเช็ดด้วยแอลกอฮอล์ทุกครั้ง
เมื่อสัมผัสสิ่งของจากข้างนอก อย่างลูกบิดประตู ปุ่มกดลิฟต์ ตู้ ATM เป็นต้น
หลังจากใช้มือปิดปาก เวลา จาม หรือไอ
หลังใช้ห้องน้ำ
ก่อนและหลังรับประทานอาหาร
งดเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงถ้าไม่จำเป็น
หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีผู้คนอยู่เป็นจำนวนมากและรักษาระยะห่างจากผู้คน
ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูกและปาก ถ้าไม่จำเป็น เพราะเป็นที่ที่ทำให้เชื้อไวรัสเข้าไปในร่างกายได้
ไม่ใช้สิ่งของร่วมกันกับผู้อื่น อย่างผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ หลอด ฯลฯ
ใช้ช้อนกลาง เวลารับประทานอาหารร่วมกับคนอื่น แต่ในช่วงที่การแพร่ระบาดร้ายแรง ควรงดทานข้าวร่วมกัน
รักษาสุขภาพให้ดีอยู่เสมอ ด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารสำเร็จรูป ออกกำลังกายเป็นประจำ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
วิธีกักตัวเมื่อสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อหรือไปในพื้นที่เสี่ยง
หากเราได้ไปสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยแล้ว หรือไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยงมา ควรกักตัว อยู่บ้านเพื่อดูอาการก่อนเป็นเวลา 5-7 วัน จึงไปตรวจหาเชื้อเพื่อความมั่นใจ เพราะในระยะต้นเชื้ออาจจะยังไม่เกิดการฟักตัว เมื่อไปตรวจทันทีอาจยังไม่พบว่าติดเชื้อหรือไม่
-
สำหรับผู้พักอาศัยในโครงการที่พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ดูแล หากแจ้งไปยังนิติบุคคล ฝ่ายจัดการฯ จะกำหนดรอบการส่งอาหาร และทิ้งขยะที่หน้าห้องเป็นรอบ โดยพนักงานสวมหน้ากาก และถุงมือตลอดที่ให้บริการ
- แยกห้องนอนกับผู้อื่น และไม่อยู่ร่วมกับคนอื่นในบ้านหากไม่มีห้องนอนส่วนตัวสามารถหาซื้อแผ่นกั้นห้องแบบพลาสติกมาแบ่งสัดส่วนในห้องได้ พยายามเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท มีถังขยะติดเชื้อแยกเฉพาะ
- ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ อย่างน้อยครั้งละ 20 วินาที
- หากมีเหตุจำเป็นที่ต้องพบคนในครอบครัวให้ สวมหน้ากากอนามัย และอยู่ห่างกันอย่างน้อย 1-2 เมตร
- การทำความสะอาดเสื้อผ้า ชุดเครื่องนอน และผ้าเช็ดตัว ให้ซักแยกจากของผู้อื่นและใช้น้ำร้อนกับผงซักฟอกปกติในการซัก
- แยกใช้ห้องสุขา หรือถ้าแยกไม่ได้ให้ใช้เป็นคนสุดท้าย ตามด้วยการทำความสะอาดห้องน้ำ ด้วยน้ำยาฟอกขาว 5% และ ไม่บ้วนน้ำลายลงบนพื้นห้องน้ำส่วนการใช้ชักโครกให้ปิดฝาทุกครั้งก่อนกดน้ำเพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค
- ไม่ร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับคนในครอบครัว ให้คนในครอบครัวนำอาหารมาวางไว้ให้หน้าห้องแทน
- แยกขยะเป็น 2 ส่วน คือ ขยะทั่วไป และขยะติดเชื้อ เช่น หน้ากากอนามัย กระดาษทิชชู ในแต่ละวันให้รวบรวม และล้างถังด้วยน้ำยาฟอกขาว เพื่อทำลายเชื้อ ใส่ขยะที่แยกไว้ในถุงขยะ 2 ชั้น มัดปากถุงให้แน่นก่อนนำไปทิ้งรวมกับขยะทั่วไป

จะรู้ได้อย่างไรว่าเราอยู่ในกลุ่มเสี่ยง แล้วต้องไปตรวจหาเชื้อ COVID-19 ไหม?
ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้เผยแพร่ข้อมูลจัดทำรูปแบบ infographic โดยเพจ Jones Salad เพื่อให้ประชาชนเข้าใจได้ง่ายขึ้นว่าเราต้องตรวจโควิด-19หรือไม่ เมื่ออยู่ในสถานการณ์ต่างๆ ดังต่อไปนี้
ร้านอาหาร หากใช้บริการเวลาเดียวกันกับคนที่มีเชื้อโควิด-19
เสี่ยงสูง | เสี่ยงต่ำ |
นั่งโต๊ะเดียวกันกับผู้ติดเชื้อ ไม่ใส่หน้ากาก รับประทานอาหารร่วมโต๊ะเดียวกัน ควรไปตรวจ และกักตัว | พนักงานเสิร์ฟ ที่สวมใส่หน้ากากอนามัย มาวางอาหารแล้วไป ไม่มีการพูดคุย ไม่ต้องตรวจ ไม่ต้องกักตัว แต่สังเกตอาการ 14 วัน อยู่ในร้านเดียวกัน แต่นั่งคนละโต๊ะกับผู้ติดเชื้อเกินระยะ 1 เมตร ไม่ต้องตรวจ ไม่ต้องกักตัว แต่สังเกตอาการ 14 วัน |
คอนโด อยู่โครงการเดียวกันกับผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19
เสี่ยงสูง | เสี่ยงต่ำ | ไม่เสี่ยง |
เพื่อนบ้านที่ชอบแวะมาหาหรือกินข้าวร่วมกันกับผู้ติดเชื้อ ควรตรวจ และ กักตัว | เพื่อนบ้านที่อยู่ในลิฟต์โดยสารกับผู้ติดเชื้อ แต่สวมใส่หน้ากากอนามัย ไม่ต้องตรวจ ไม่ต้องกักตัว แต่สังเกตอาการ 14 วัน | เพื่อนบ้านที่อยู่คนละชั้น อยู่ข้างห้อง อยู่ชั้นเดียวกัน แต่ไม่รู้จักหรือพูดคุยกัน ไม่ต้องตรวจ ไม่ต้องกักตัว |
รถตู้โดยสาร / รถเมล์ อยู่ในคันเดียวกันกับผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19
เสี่ยงสูง | เสี่ยงต่ำ |
ทุกคนที่ไม่สวมใส่หน้ากากอนามัย ควรไปตรวจหาเชื้อและกักตัว | ทุกคนที่ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่โดยสาร ไม่ต้องกักตัว ไม่ต้องตรวจ แต่ให้สังเกตอาการ |
เครื่องบิน อยู่ในลำเดียวกันกับผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19
เสี่ยงสูง | เสี่ยงต่ำ | ไม่เสี่ยง |
ผู้โดยสารที่ถอดแมกส์เกิน 5 นาที นั่งอยู่ 2 แถวหน้า และ 2 แถวหลังของผู้ป่วย ควรตรวจหาเชื้อ และ กักตัว | ผู้โดยสารที่ใส่แมกส์ นั่งอยู่ 2 แถวหน้า และ 2 แถวหลังของผู้ป่วย ไม่ต้องตรวจ ไม่ต้องกักตัว แต่สังเกตอาการ 14 วัน และแอร์โฮสเตส ที่ใส่แมกส์ให้บริการเดินไปเดินมา ไม่ต้องตรวจ ไม่ต้องกักตัว แต่สังเกตอาการ 14 วัน |
ผู้โดยสารที่ไม่ได้นั่งอยู่ อยู่ 2 แถวหน้า และ 2 แถวหลังของผู้ป่วย สวมหน้ากากอนามัย ไม่ต้องกักตัว ไม่ต้องตรวจ |
ถ้าหากติดโควิดแล้วต้องทำอย่างไร?
สำหรับคนที่ไปตรวจโควิด-19 ถ้าเกิดเราทราบผลว่าตัวเองติดเชื้อแล้ว ควรทำตามขั้นตอนดังนี้ทันที
เตรียมเอกสารบัตรประจำตัวประชาชน หลักฐานผลตรวจโควิด 19
โทรแจ้งโรงพยาบาลที่เราไปตรวจมา เพื่อแอดมิท
หากโรงพยาบาลที่เราไปตรวจยังหาเตียงให้ไม่ได้ภายใน 1-2 วัน ให้โทรไปที่ 1668 (สายด่วนเฉพาะกิจในการจัดหาเตียงให้ผู้ป่วย) หรือ 1330 (สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ)
หากมีไข้สูง หายใจเหนื่อย มีอาการท้องเสียหลายครั้ง โทร 1669 เพื่อฟังคำแนะนำเบื้องต้น และรอทีมกู้ชีพมารับนำส่งโรงพยาบาล
ทั้งนี้หากผู้ที่ติดเชื้อไม่ได้มีอาการรุนแรง ให้กินยาตามอาการที่แพทย์สั่ง และ สามารถกักตัวอยู่บ้าน หรือไปที่ hospitel หากที่บ้านมีผู้อื่นอาศัยอยู่ด้วย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อ
วิธีรับมือ โควิด-19 สำหรับนิติบุคคลคอนโด หมู่บ้านจัดสรร
เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับลูกบ้านผู้พักอาศัยในคอนโด หรือ หมู่บ้านจัดสรร ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ฝ่ายจัดการนิติบุคคลในนาม Plus Living Management โดย พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้มีการจัดการเรื่องมาตรการป้องกันและรับมือกับการติดเชื้อโควิด เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้ลูกบ้าน โดยมีแนวทางปฏิบัติ ดังนี้
แนวทางปฏิบัติป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19
ประชาสัมพันธ์อัปเดต ข้อมูลข่าวสาร มาตรการป้องกันและเฝ้าระวังการระบาดของโรคติดต่อให้ลูกบ้านทราบข้อมูลเพื่อป้องกัน และดูแลตัวเอง
ขอความร่วมมือลูกบ้าน ผู้มาติดต่อบุคคล สวมหน้ากากอนามัย เมื่อเข้ามาในโครงการ หรืออยู่บริเวณพื้นที่ส่วนกลาง
ตั้งจุดวางเจลแอลกอฮอล์ตามจุดต่างๆ ที่เป็นจุดสัมผัสบ่อย เช่น ประตู ลิฟต์ ฟิตเนส ห้องสันทนาการ
ตั้งจุดคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิ โดยจำกัดตรงบริเวณทางเข้า-ออก หากเกิน 37.5 องศา พิจารณางดเข้าโครงการ
ผู้รับเหมา ผู้มาติดต่อ ทำแบบประเมินความเสี่ยงก่อนเข้าพื้นที่โครงการ
กำหนดจุดรับ-ส่ง อาหารในบริเวณที่กำหนดเท่านั้น โดยกั้นพื้นที่จุดพักคอยอาหาร ณ บริเวณที่ไม่เป็นมุมอับ มีอากาศถ่ายเท มีเจลแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อไว้ให้บริการ
การรับพัสดุ ลูกบ้านแจ้งให้ฝ่ายจัดการฯ ทราบวันและเวลา (ในเวลาทำการระหว่าง 08.00-18.00) ที่สะดวกรับพัสดุล่วงหน้า โดยลูกบ้านมารับพัสดุตามเวลาที่ยืนยัน ในระหว่างเวลาทำการ ที่โต๊ะหน้าห้องฝ่ายจัดการฯ โดยจะทำการฆ่าเชื้อด้วยสเปรย์แอลกอฮอล์ และจัดเตรียมพัสดุวางรอไว้ ในบางโครงการจะมีตู้อบฆ่าเชื้อก่อนส่งมอบให้กับลูกบ้านด้วยวิธีการเดียวกัน เพื่อลดความเสี่ยงการใกล้ชิด
ทำความสะอาดฆ่าเชื้อในโครงการจุดที่มีสัมผัสบ่อยทุก 1 ชั่วโมง เช่น ลิฟท์ ทางเดินเข้าออก ห้องน้ำ และ ส่วนกลางอื่นทุก 3 ชั่วโมง
เน้นย้ำแม่บ้าน สวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน ถุงมือ แว่นตา หน้ากาก เพื่อป้องกันสารเคมี และเชื้อโรคระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ปิดกั้นพื้นที่ที่จะทำความสะอาด โดยเลือกใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ ที่เหมาะสมตามพื้นผิวและสถานที่ ใช้น้ำยาเทลงบนผ้าโดยตรงเพื่อเช็ดพื้นผิว ป้องกันละอองฟุ้งกระจาย
ฉีดพ่นฆ่าเชื้อ หลังเช็ดทำความสะอาดจะเตรียมการปิดพื้นที่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกำจัดเชื้อโรคอีกสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
แม่บ้านเช็คทำความสะอาดจุดสัมผัสทุก 1-2 ชั่วโมง
จำกัดจำนวนการใช้ลิฟต์โดยสาร
ตั้งจุดคัดกรอง ตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าโครงการ
กำหนดจุดรับ-ส่งอาหารสำหรับไรเดอร์
แนวทางปฏิบัติกรณีพบผู้ติดเชื้อโควิดในโครงการ และการดูแลผู้ที่กักตัวอยู่ภายในโครงการ
ดำเนินการ Big Cleaning พื้นที่โถงทางเดิน ส่วนกลางทั้งหมด โดยนิติบุคคลจะทำความสะอาดฆ่าเชื้อโดยวิธีการเช็ดเพื่อป้องกันการกระจายเชื้อ และแจ้งบริษัทที่ให้บริการพ่นยาฆ่าเชื้อโรคอีกครั้ง
ประกาศแจ้งให้ลูกบ้านผู้พักอาศัยทราบว่า พบผู้ติดเชื้อ พร้อมทั้งแจ้งมาตรการจัดการ ได้ดำเนินการทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว
แจ้งข้อมูล Time line ผู้ติดเชื้อ ออกประกาศแจ้งให้ลูกบ้านผู้พักอาศัยทราบ และประสานงานลูกบ้านที่เป็นกลุ่มเสี่ยงใช้พื้นที่ส่วนกลางในช่วงเวลาเดียวกัน เพื่อทำการตรวจหาเชื้อ และกักตัว โดยฝ่ายจัดการฯ จะอำนวยความสะดวกการส่งอาหารและรับขยะในแต่ละวันให้สำหรับลูกบ้านที่ต้องกักตัว โดยพนักงานผู้ให้บริการต้องสวมหน้ากากอนามัย และถุงมือตลอดที่ให้บริการ
ประสานกับผู้ติดเชื้อการส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล โดยประกาศแจ้งวันเวลานัดหมายของโรงพยาบาล เพื่อไม่ให้ลูกบ้านออกมาพบเจอกับผู้ป่วยระหว่างเดินทางออกไปโรงพยาบาล
ทำความสะอาดพ่นยาฆ่าเชื้อทันทีหลังจากมีการเคลื่อนย้ายในบริเวณโถงทางเดินในชั้นพักอาศัย ห้องขยะ
ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาด
แนวทางปฏิบัติในกรณีที่สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดมีความรุนแรงขึ้น
ปิดบริการพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมด อาทิ ล็อบบี้ สโมสร สระว่ายน้ำ พื้นที่ส่วนกลาง ฟิตเนส ต้องปิดงดใช้ชั่วคราวตามประกาศจากรัฐบาลในพื้นที่ที่กำหนด หรือตามมติคณะกรรมการของแต่ละโครงการ
งดให้บริการงานภายในห้องชุด หรือบ้านพักอาศัย ยกเว้นกรณีฉุกเฉิน พนักงานผู้ให้บริการต้องสวมถุงมือ หน้ากากอนามัย อย่างเคร่งครัด
ออกประกาศมาตรการสวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในพื้นที่สาธารณะอย่างเคร่งครัด พิจารณาโทษปรับตามพ.ร.บ. โรคติดต่อ หรือ จากมติคณะกรรมการ
ออกประกาศแจ้งลูกบ้านสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงให้ติดต่อ หรือผู้ที่ตรวจพบแล้วว่าติดเชื้อ COVID – 19 ขอให้แจ้งข้อมูลแก่ฝ่ายจัดการฯ รับทราบทันที เพื่อยกระดับมาตรการดูแลพื้นที่ หากปกปิดข้อมูลการเดินทาง หรือแจ้งข้อมูลเท็จ ถือเป็นความผิดตาม มาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ถ้ามีคนในบ้านติดโควิดต้องทำอย่างไร?
ในกรณีที่คนในบ้านของเราติดเชื้อโควิด-19 แล้วยังหาเตียงไม่ได้และต้องอาศัยอยู่ร่วมกัน เราควรมีวิธีปฏิบัติ เพื่อความปลอดภัยต่อตัวเรา พลัสฯ ได้รวมวิธีการปฏิบัติมาดังนี้ คือ
แยกผู้ป่วยให้อยู่ตามลำพัง หากหลีกเลี่ยงไม่ได้พยายามให้อยู่ห่างจากคนในครอบครัวที่เหลือโดยมีระยะห่างจากกันราว 2 เมตร เพื่อจะหลีกเลี่ยงการแพร่กระจายสารคัดหลั่งจากคนป่วยสู่คนอื่นๆ โดยหาฉากกั้นพลาสติกมาเป็นทางกั้นได้
พยายามทำความสะอาดพื้นผิววัสดุที่สามารถแพร่เชื้อระบาดต่อกันได้ให้มากที่สุด เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อชุบผ้า ทำความสะอาดทุกๆ 1-2 ชั่วโมง
ให้ผู้ป่วยใส่หน้ากากตลอดเวลาเพื่อป้องกันการแพร่กระจายสารคัดหลั่งขณะไอ หรือจาม
สมาชิกในครอบครัวผู้ที่ต้องดูแลผู้ป่วยจะต้องใส่หน้ากากและถุงมือ นำไปทิ้งทันทีหลังใช้เสร็จ
ทุกคนในบ้านต้องล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่ หลังจากให้ความดูแลผู้ป่วย
ให้ผู้ป่วยอยู่ให้ห่างจากผู้สูงอายุ ในกรณีที่มีผู้สูงอายุในบ้าน
ไม่ใช้เสื้อผ้า เครื่องนอน (ผ้าปูเตียง ผ้าห่ม) ผ้าขนหนูร่วมกับผู้อื่น
ทำความสะอาดเสื้อผ้าด้วยน้ำร้อน อย่างน้อย 80 องศาเซลเซียสหรือสูงกว่านั้น อย่างน้อย 10 นาทีขึ้นไป เพื่อฆ่าไวรัส (กรณีที่ผู้ป่วยอาจมีอาการอาเจียนหรือท้องเสีย)
ปล่อยให้มีอากาศไหลเวียนเข้ามาในบ้านบ่อยๆ
ทิ้งขยะที่อาจมีสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ โดยมัดปากถุงขยะอย่างแน่นหนาและนำไปทิ้ง
ทำความสะอาดชักโครกและห้องน้ำบ่อยๆ
ในการรับประทานอาหารให้นำอาหารแยกให้ผู้ป่วยรับประทานคนเดียว หลังจากนั้นนำภาชนะใส่อาหารมาแช่ด้วย ไฮเตอร์ 2 ฝา ผสมกับน้ำเปล่า 2 ลิตร อย่างน้อย 10 นาทีก่อนล้างออก
แม้ผู้ป่วยเริ่มมีอาการดีขึ้นหรือต้องนำส่งตัวไปโรงพยาบาล อย่าเพิ่งวางใจ ให้เช็คอุณหภูมิร่างกายสมาชิกในครอบครัวสม่ำเสมอทั้งตอนเช้าและตอนค่ำ วันละ 2 ครั้ง ทำยาวนานราวสัปดาห์ เพราะไวรัสมีระยะฟักตัว และอย่าลืมใส่หน้ากากเมื่อต้องออกนอกบ้านทุกครั้ง
รวมข้อมูลสำคัญที่เราต้องรู้ช่วงโควิด-19 ระบาด
1. อัปเดต สถานที่ตรวจ COVID-19 พร้อมราคาค่าใช้จ่ายเบื้องต้น
หากเราพบว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ต้องการที่จะตรวจหาเชื้อเพื่อความมั่นใจ สามารถไปรับการตรวจหาเชื้อได้ที่โรงพยาบาลรัฐ และ เอกชน ดังนี้
(*ทั้งนี้เป็นราคาประมาณการ กรุณาตรวจสอบกับโรงพยาบาลที่ท่านเข้ารับการตรวจอีกครั้ง)
โรงพยาบาลรัฐบาล
- รพ.จุฬาลงกรณ์ ค่าใช้จ่าย 3,000 – 6,000 บาท
- รพ.รามาธิบดี ค่าใช้จ่าย คนไทยไม่เกิน 2,500 บาท / ชาวต่างชาติไม่เกิน 3,500 บาท
- รพ.เวชศาสตร์เขตร้อน ค่าใช้จ่าย 3,000 บาท
- รพ.ศิริราช ค่าใช้จ่าย 2,000 – 3,000 บาท (รับตรวจเฉพาะกลุ่มเสี่ยง)
- รพ.ศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ค่าใช้จ่าย 7,000 – 8,000 บาท (ไม่รวมค่าบริการอื่น ๆ)
- รพ.วชิรพยาบาล ค่าใช้จ่าย 2,440 – 2,590 บาท
- รพ.ราชวิถี ค่าใช้จ่าย 3,000 – 6,000 บาท
โรงพยาบาลเอกชน
- รพ.รามคำแหง ค่าใช้จ่าย 1,400 – 3,500 บาท
- รพ.ปิยะเวช ค่าใช้จ่าย เริ่มต้นที่ 2,500 บาท
- รพ.ธนบุรี ค่าใช้จ่าย เริ่มต้นที่ 2,500 บาท
- รพ.กรุงเทพ ค่าใช้จ่าย 4,300 – 7,000 บาท (ขึ้นอยู่กับอาการและการตรวจเพิ่ม)
- รพ.บางปะกอก 9 ค่าใช้จ่าย 3,800 บาท (สำหรับคนไทย) / 4,500 บาท (สำหรับต่างชาติ)
- รพ.บางโพ ค่าใช้จ่าย 3,500 บาท
- รพ.บำรุงราษฎร์ ค่าใช้จ่ายประมาณ 7,500 บาท
- รพ.เปาโลเมโมเรียล พหลโยธิน ค่าใช้จ่าย 5,500 บาท (สำหรับคนไทย) / 6,000 – 7,500 บาทื(สำหรับต่างชาติ)
- รพ.เปาโลเมโมเรียล เกษตร , โชคชัย 4 , รังสิต ค่าใช้จ่าย 4,500 บาท
- รพ.พญาไท 1 ค่าใช้จ่าย 3,500 บาท
- รพ.พญาไท 2 ค่าใช้จ่าย 6,500 บาท (รวมค่าบริการทุกอย่างแล้ว)
- รพ.พญาไท 3 ค่าใช้จ่าย 4,000 บาท
- รพ.พระราม 9 ค่าใช้จ่าย 6,500 บาท
2. วิธีการตรวจหาเชื้อโควิด-19
ข้อมูลจาก โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล ได้เผยแพร่ วิธีการตรวจหาเชื้อ และ ชุดตรวจเชื้อ ที่ทางทีมแพทย์ของประเทศไทยใช้กันนั้น มีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี โดยมีขั้นตอนและรายละเอียด ดังนี้
1. Real-time RT PCR
เป็นการตรวจสารพันธุกรรมของไวรัสด้วยวิธี Real-time RT PCR ซึ่งเป็นวิธีที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ และประเทศไทยพร้อมใช้อยู่ในปัจจุบัน องค์การอนามัยโลกแนะนำว่า การตรวจด้วยวิธีนี้มีข้อดีคือ มีความไว มีความจำเพาะสูง สามารถทราบผลภายใน 3-5 ชั่วโมง และสามารถตรวจจับเชื้อไวรัสในปริมาณน้อยๆ ได้
ดังนั้นไม่ว่าจะเชื้อไวรัสนั้นคือเชื้อเป็นหรือเชื้อตาย ก็สามารถตรวจจับได้หมดจากสารคัดหลั่งทางเดินหายใจส่วนบน ส่วนล่าง ของผู้สงสัยติดเชื้อ ถือว่าเป็นวิธีที่เหมาะสมสำหรับการตรวจวินิจฉัยโรคเพื่อการรักษาที่รวดเร็ว ตั้งแต่ระยะแรกของการเกิดโรค
2. Rapid test
เป็นการเจาะเลือดเพื่อนำไปตรวจหาภูมิคุ้มกัน โดยการใช้ชุดทดสอบแบบรวดเร็ว หรือ Rapid Test ที่สามารถทราบผลได้ใน 15 นาที การตรวจวิธีนี้จะทำได้หลังมีอาการป่วย 5-7 วัน หรือได้รับเชื้อมาแล้ว 10-14 วัน ร่างกายจึงจะสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาต้านเชื้อโรค ดังนั้นการใช้ Rapid Test ตรวจภูมิคุ้มกันในช่วงแรกของการรับเชื้อ หรือช่วงแรกที่มีอาการ ผลการตรวจจะขึ้นลบ ซึ่งไม่ได้แสดงว่าผู้ป่วยไม่ได้ติดเชื้อโควิด-19 เนื่องจากภูมิคุ้มกันยังไม่เกิดขึ้น
การตรวจแบบ Rapid Test นี้มีองค์ประกอบสำคัญก็คือ "น้ำยาตรวจเชื้อ" ซึ่งที่ผ่านมามีประชาชนบางคนไปหาซื้อมาตรวจเอง ในเรื่องนี้ทางทีมแพทย์ยืนยันว่า "ไม่ควรทำ" เนื่องจากน้ำยาเหล่านี้ทาง อย.อนุญาตใช้เฉพาะสถานพยาบาลเท่านั้น ไม่อนุญาตจำหน่ายทั่วไป
3. อัปเดต รายชื่อ Hospitel
ฮอสปิเทล หรือ Hospitel มาจากคำว่า Hospital บวกกับ Hotel คือ โรงแรมที่แปลงเป็นหอผู้ป่วยเฉพาะกิจรองรับผู้ติดเชื้อ COVID-19 สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการน้อยหรือไม่รุนแรง โดยปรับเปลี่ยนโรงแรมให้เป็นพื้นที่เฝ้าระวังอาการ เพื่อให้ทางโรงพยาบาลสามารถรองรับผู้ป่วยหนักได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พลัสฯ รวบรวมรายชื่อ Hospitel รองรับผู้ป่วยโควิด 19 สำหรับผู้ติดเชื้อที่ยังหาเตียงไม่ได้ เช็กเลยที่นี่
- โรงแรมมาเลเชีย 100 เตียง (โรงพยาบาลสุขุมวิท โทร: 02 391 0011)
- โรงแรมโอโซน โฮเต็ล แอท สามย่าน กรุงเทพฯ 40 เตียง (โรงพยาบาลวิภาราม โทร: 02 432 2550)
- โรงแรมรัตนโกสินทร์ 150 เตียง (โรงพยาบาลปิยะเวท โทร: 02 129 5555)
- โรงแรมอินทรา รีเจ้นท์ 455 เตียง (โรงพยาบาลปิยะเวทโทร: 02 129 5555)
- โรงแรมสินศิริ รามอินทรา 69 เตียง (โรงพยาบาลสินแพทย์ โทร: 02 793 5099 และโรงพยาบาลเสรีรักษ์ โทร: 02 761 9888)
- โรงแรมชีวา 75 เตียง (โรงพยาบาลกรุงเทพ โทร: 02 310 3000)
- โรงแรมพูลแมน แกรนด์ สุขุมวิท กรุงเทพฯ 324 เตียง (โรงพยาบาลธนบุรี โทร: 02 487 2000)
- โรงแรมสินศิริ 1 จำนวน 52 เตียง (โรงพยาบาลสินแพทย์ โทร: 02 793 5099)
- โรงแรมโรงแรม ฌ เฌอ - เดอะ กรีน โฮเทล 200 เตียง (โรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนล โทร: 02 594 0020)
สำหรับเกณฑ์การเลือกผู้ป่วยโควิด-19 ที่สามารถพักต่อใน Hospitel ได้ ต้องเข้าเกณฑ์ ดังนี้
ผู้ป่วยยืนยันที่ไม่มีอาการ หลังนอนโรงพยาบาล 4-7 วัน
เมื่อไม่มีภาวะแทรกซ้อนให้พักต่อที่ Hospitel จนครบ 10 วัน และครบ 14 วัน ในกรณีสงสัยเชื้อกลายพันธุ์จาก อังกฤษ, บราซิล, แอฟริกาใต้
ผู้ป่วยยืนยันที่มีอาการ ไม่มีภาวะเสี่ยง/ภาวะร่วม หลังนอนโรงพยาบาล 4-7 วัน เมื่ออาการดีขึ้นให้พักต่อที่ Hospitel จนครบ 10 วัน และครบ 14 วัน ในกรณีสงสัยเชื้อกลายพันธุ์จาก อังกฤษ, บราซิล, แอฟริกาใต้
ผู้ป่วยยืนยันโควิด-19 อายุน้อยกว่า 50 ปี ที่ไม่มีอาการ หรือไม่มีภาวะเสี่ยง/ภาวะร่วม เข้าพักรักษา สังเกตอาการที่ Hospitel จนครบ 10 วัน และครบ 14 วัน ในกรณีสงสัยเชื้อกลายพันธุ์จาก อังกฤษ, บราซิล, แอฟริกาใต้
4. ทุกเรื่อง Covid โทรเลยสายด่วนช่วยเหลือ
ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ทั้งผู้ป่วยติดเชื้อ หรือ ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง หรือผู้ที่อยู่ในสภาวะเครียด สงสัยว่าติดเชื้อ เช็คสิทธิการรักษาพยาบาลต่างๆ สามารถโทรสายด่วนได้เลยตามนี้
5. ทำประกันโควิดดีไหม เปรียบเทียบประกันโควิด พร้อมเทคนิคการเลือก
ยิ่งการแพร่ระบาดโควิดยังคงไม่สามารถควบคุมได้ การป้องกันตัวเองอาจไม่เพียงพอ เพื่อเพิ่มความมั่นใจสำหรับค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลหากเกิดการติดเชื้อขึ้นมา การทำประกันโควิด จึงเป็นทางเลือกที่หลายๆ คนสนใจ และซื้อให้กับตัวเองและคนในครอบครัว แผนประกันโควิดนั้นมีอยู่หลายแผน หลายระดับราคา เริ่มต้นตั้งแต่เบี้ยประกันคนละ 159 บาท ไปจนถึง 1,825 บาท
แต่การเลือกซื้อแผนประกันนั้น เราควรต้องพิจารณาความคุ้มครอง และ เงื่อนไขที่มีอยู่ให้ดีเสียก่อน พลัสฯ จึงสรุปข้อควรรู้และเทคนิคการเลือกก่อนซื้อประกันโควิดมาฝากกัน ดังนี้
ก่อนซื้อประกันโควิด ตรวจสอบแผนประกันสุขภาพที่คุณมีก่อน ว่าคุ้มครองหรือไม่ จะได้ไม่ต้องซื้อซ้ำซ้อน
เลือกซื้อประกันตามเงื่อนไขการใช้ชีวิตของเรา
เลือกแผนที่อยากได้ความคุ้มครองครอบคลุมขนาดไหน ทั้งนี้ในแต่ละบริษัทจะเพิ่มความคุ้มครองตามเบี้ยประกันที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น การเลือกแผนคุ้มครองต้องตรวจสอบเงื่อนไขอย่างละเอียดทุกครั้ง
กำหนดระยะคอยส่วนใหญ่จะบังคับ 14 วัน โดยในช่วงที่เพิ่งซื้อประกันไป ในช่วงเวลาระหว่างนี้ไม่ควรนำตัวเองไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยง เพราอาจถูกปฏิเสธการคุ้มครอง
-
หากติดเชื้อโควิด-19 แต่แพทย์ระบุว่าในใบรับรองแพทย์ว่าเป็นปอดอักเสบ ควรแนบผลการตรวจที่ระบุว่าพบเชื้อโควิด-19 ส่งเคลมด้วย
-
การซื้อประกันแบบ เจอ-จ่าย-จบ หลายฉบับ สามารถเคลมได้ทุกฉบับโดยต้องขอใบรับรองแพทย์ตัวจริงเท่ากับจำนวนประกันที่ต้องการเคลม
-
หากซื้อประกันแบบคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลหลายฉบับ สามารถเบิกได้เท่าที่จ่ายจริง โดยต้องยื่นเบิกค่ารักษาพยาบาลจากบริษัทแรกที่ซื้อก่อน ส่วนที่เหลือจึงนำมาเบิกเพิ่มเติมจากฉบับที่ 2 ที่ 3 ต่อไป
-
จ่ายเมื่อตรวจพบเชื้อครั้งแรก แปลว่า ประกันจะจ่ายเมื่อตรวจพบเชื้อครั้งแรกเท่านั้น กรณีที่เคยเป็นแล้วหายแล้วเป็นซ้ำประกันจะไม่จ่าย
*ขอบคุณข้อมูลจาก Brandinside เลือกซื้อประกันสู้โรคโควิด-19 ถามตัวเองสักนิดก่อนคิดจะซื้อ อ่านต่อได้ ที่นี่
*ขอบคุณข้อมูลจาก daylinews สรุปประกันโควิด"เจอ-จ่าย-จบ" เงื่อนไขขั้นตอน-วิธีเคลม อ่านต่อได้ ที่นี่
*เปรียบเทียบประกันโควิด และซื้อประกันออนไลน์ คลิก
6. อัปเดตวัคซีนโควิด-19 พร้อมข้อมูลเปรียบเทียบ
ข้อมูลจาก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เผยแพร่ข้อมูลวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19ที่อนุมัติให้เริ่มใช้ได้แล้วในบางประเทศ มีอยู่ด้วยกัน 4 ชนิด รวมถึงประสิทธิภาพ การให้วัคซีน และผลข้างเคียงการรักษา ดังนี้
แม้การรับวัคซีนจะยังไม่สามารถเข้าถึงประชนชนได้ทุกคน เราทุกคนจึงต้องหมั่นดูแลตัวเอง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ รักษาระยะห่าง เป็นวิธีป้องกันตัวเองได้ดีที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ Update ข้อมูลวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อ่านต่อ คลิก
และนี่ก็เป็นข้อมูลโควิด-19 ที่ทุกคนควรรู้ และเตรียมรับมือกันไว้ เพราะเกิดการแพร่ระบาดในวงกว้าง ในหลายๆ คลัสเตอร์ เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ยังไม่สามารถควบคุมได้ในเร็ววันนี้ การป้องกันตัวเองที่ดีที่สุดคือการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายของตัวเอง หมั่นทานอาหารที่มีประโยชน์ ลด เลี่ยง อาหารที่เข้าไปลดภูมิต้านทานร่างกายของตัวเอง นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
หากพบว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ไม่เห็นแก่ตัว และตามใจตัวเอง ควรกักตัวเองอยู่ในที่จำกัดเป็นระยะเวลา 14 วัน เพื่อควบคุมไม่ให้เชื้อแพร่กระจายไปสู่คนรอบข้าง และที่สำคัญ ไม่ตื่นตระหนก หรือวิตกกังวลมากจนเกินไป หากมีความจำเป็นต้องออกจากบ้าน การใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ นาน 20-30 วินาที และเว้นระยะห่าง สามารถช่วยป้องกันเราจากเชื้อโควิด-19 นี้ได้อย่างแน่นอน
แล้วเราจะสามารถผ่านวิกฤติโควิดนี้กันไปได้
บทความที่เกี่ยวข้อง:
-
14 มาตรการรับมือ COVID จาก พลัส พร็อพเพอร์ตี้
-
อย่ามองข้าม! รู้ไว้ป้องกันได้ จุดสะสมเชื้อไวรัสโควิด-19 ต้องระวัง
- พลัสฯ คุมเข้มมาตรการดูแลช่วงกักตัว ยกระดับการป้องกัน พร้อมเคียงข้างลูกบ้านกว่า 80,000 ครัวเรือน
ค้นหาบริการด้านอสังหาฯ จากพลัสฯ ที่ใช่สำหรับคุณ: บริหารงานขายอสังหา, บริหารนิติบุคคลหมู่บ้าน, บริษัทบริหารอาคาร, บริหารนิติบุคคลคอนโด
